มาต่อกับ 14 คำพูดที่ “โยฮัน ครัฟฟ์” ที่นักเตะทุกคนต้องจดจำ ใครที่ยังไม่ได้ดู EP.1 ก็สามารถย้อนกลับไปดูได้เลยนะครับ ส่วนใครที่ดูมาแล้วก็มาต่อกับ KUBET ได้เลยครับ
7.) ในทีมต้องดูให้ออกมาตัวรุกตัวแรกของเกมคือใคร
ในทีมของผม ผู้รักษาประตูคือตัวรุกคนแรกและกองหน้าคือตัวรับคนแรก คำพูดที่โยฮัน ครัฟฟ์เคยได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งผมขอนิยามสิ่งนี้ว่า “โททอล ฟุตบอล” เป็น “เพรสซิ่ง ฟุตบอล” เพราะสำหรับผมแล้วคำคำนี้มันสื่อถึงรูปแบบของฟุตบอลซึ่งผมพยายามจะสร้างขึ้นที่อาแจ็กซ์กับทีมชาติฮอลแลนด์ชุดฟุตบอลโลก 1974 สิ่งที่ผมพยายามสร้างคือเกมที่ผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ทั้ง 10 ไล่เพรสซิ่งสูงตลอดเวลา ถึงแม้เราจะไม่มีบอลก็ตาม”
8.) สิ่งที่ลำบากที่สุดในเกม
ความท้าทายอย่างหนึ่งของการคุมทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลนาคือ การที่ทีมรองมักจะตั้งรับแบบสุดชีวิตจนในหลายๆครั้งเป็นไปได้ยากมากๆที่ทีมเราหรือทีมที่ใหญ่กว่าจะเจาะเอาไปได้ นั้นก็เพราะเวลาได้บอล พวกทีมรองจะรับเคลียร์บอลทิ้งทันที และด้วยแนวคิดแบบนี้ก็เลยทำให้ทีมใหญ่ๆมีโอกาสในการครองบอลมากกว่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนในทีมต้องทำก็คือ “สิ่งที่ลำบากที่สุดในเกมที่มันดูเหมือนจะง่ายๆ คือการบีบให้คู่แข่งที่อ่อนกว่า เล่นแย่ลงกว่าเดิม”
9.) เราต้องเชื่อว่า ผู้เล่นที่อ่อนที่สุด มักได้ครองบอลมากที่สุด
ครัฟฟ์ ได้รับอิทธิพลเกมเพรสซิ่งจาก มิเชลส์ อย่างชัดเจน และสไตล์ดังกล่าวก็ถูกส่งต่อมายัง แฟรง ไรกาจ และ กวาร์ดิโอล่า ส่งผลให้ บาร์ซ่า เป็นทีมที่ดูสนุกไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่ก็ตาม คอนเซ็ปต์การล่อให้อีกฝ่ายจ่ายบอลไปยังจุดที่เราได้เปรียบนั้นถูกพัฒนาต่อยอดให้มีระบบมากขึ้น จนมีชื่อเรียกเป็นของตัวว่า “เพรสซิ่ง-แทรป (Pressing-trap)” หรือกับเพรสซิ่ง และพูดได้เต็มปากว่าปัจจุบันเพรสซิ่ง-แทรปได้กลายเป็นส่วนสำคัญของแทคติกฟุตบอลไปแล้ว
โดยมีคำพูดหนึ่งของ ครัฟฟ์ที่เคยพูดไว้ว่า “เราต้องมั่นใจว่าคู่แข่งที่อ่อนที่สุด มักจะได้ครองบอลมากที่สุดและนี้แหละมันจะช่วยให้เราสามารถชิงบอลกลับมาได้ในพริบตา” เรียกได้ว่าแทคติกนี้มันต้องเปลี่ยนตั้งแต่กระบวนการความคิดให้กับนักเตะในทีมตัวเองเลยก็ว่าได้ครับ- BY KUBET
10.) ความสามารถเทียบไม่ได้เลยกับสถิติในคอม
ที่นี่ให้โอกาสกับนักเตะตัวเล็กอย่างผมมากกว่าที่อื่น กวาร์ดิโอล่า ตัวผอมมากสมัยผมอยู่ที่ ลา มาเซีย แต่เป็น ครัฟฟ์ ที่บอกว่ายังไงเขา(เป๊ป)ต้องได้เล่น เพราะสักวันร่างกายของเขาก็จะโตขึ้น หากไม่มีครัฟฟ์ โลกคงไม่มีนักเตะอย่าง ชาบี อิเนียสต้า และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า โดยครัฟฟ์เคยให้มุมมองกับเรื่องนี้ว่า “ผมรับไม่ได้เมื่อนักเตะที่เก่งมีความสามารถจะถูกปฏิเสธด้วยสถิติจากคอมพิวเตอร์ผมมองว่าคุณสมบัติด้านเทคนิคและวิสัยทัศน์คอมพิวเตอร์ไม่สามารถวัดตรงนั้นได้”
11.) คุณทำอะไรในช่วงที่คุณไม่ได้ครองบอล
“สถิติพิสูจน์มาแล้วว่าในหนึ่งเกมผู้เล่นแต่ละคนจะได้ครองบอลโดยเฉลี่ยคนละ 3 นาที เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณทำอะไรใน 87 นาที ที่คุณไม่ได้ครองบอล นี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคุณเป็นผู้เล่นที่เก่งหรือเปล่า” และมันก็ใช่อย่างที่เจ้าตัวพูดว่า เวลาที่เหลือนักเตะควรจะทำอะไรให้ทีมตัวเองเป็นฝ่ายชนะ (อันนี้น่าคิดนะครับสมัยนี้เรามักจะเห็นนักเตะบางคนที่เวลาไม่ได้ครองบอลมักจะเดินเฉยๆในสนามไม่วิ่งไล่ไม่ใดๆทั้งสิ้น)
12.) ล้มเหลวเพราะแนวคิดของตัวเองมันดีกว่า
หนึ่งในเสน่ห์ของ ครัฟฟ์ คือความหัวดื้อของเขา แต่ทว่าบางทีก็มักโดนวิจารณ์ว่าทำงานด้วยลำบาก พอถูกถามถึงประเด็นนี้ ครัฟฟ์ ตอบกลับไปอย่างจริงใจว่า “ผมเกิดปี 1947 โตมาในยุคหลังสงคราม คนวัยผมต่างต้องเริ่มอะไรใหม่ทั้งหมด ผมเป็นคนที่หาความท้าทายและทำอะไรใหม่ๆ เสมอและการที่ล้มเหลวเพราะแนวคิดของตัวเองมันก็คงจะดีกว่าการล้มเหลวเพราะแนวอื่นของคนอื่นจริงไหม”
13.) ทุกการชนะทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนเดิม
อีกหนึ่งแนวคิดและมุมมองที่ ครัฟฟ์ เคยพูดเอาไว้แล้วมันจริงมากๆคือ “หลังจากที่คุณชนะอะไรสักอย่าง คุณจะไม่อยู่ในสภาพ 100% อีกแล้ว คุณอาจจะลดเหลือเพียง 90% เช่นเดียว กับขวดน้ำอัดลมที่เปิดมาแล้ว หลังจากนั้นในขวดก็จะเหลือความซ่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ความกระหายของเราจะน้อยลงฉะนั้นเราต้องเพิ่มความกระหายไปเรื่อยหากคุณต้องการที่จะเป็นที่หนึ่ง”
14.) นักเตะไม่ใช่ผู้นำที่แท้จริง
“ผมไม่เคยกลัวที่จะทำพลาดและผมก็พยายามนำไอเดียนี้มาสู่สนาม(ในฐานะโค้ช) ผมพูดกับผู้เล่นเสมอว่าอย่าไปกลัว ถ้าคุณมีไอเดียดี ลองดู และถ้ามันพลาดก็ไม่ต้องกังวล (ซึ่งเพื่อนร่วมทีมไม่ควรตำหนิกันเองด้วย) ทุกคนสามารถพลาดกันได้จงเป็นอิสระในการเล่นแต่ยังคงอยู่ในแบบแผนและคุณจะทำมันออกมาได้ดี
จบไปแล้วสำหรับ 14 คำพูดที่ “โยฮัน ครัฟฟ์” ที่นักเตะทุกคนต้องจดจำจริงๆแล้วคำสอนนี้สามารถเข้ามาปรับใช้กับตัวเองได้เลยนะครับไม่จำเป็นต้องเป็นนักเตะเพราะแนวคิดและมุมมองบางอย่างของเจ้าตัวนั้นดีมากๆ สำหรับใครที่ต้องการดูการแข่งขันฟุตบอลสดก็สามารถเข้ามาดูกันได้ที่ KUBET กันได้เลยนะครับ