มาต่อกับอีพีสี่กับทีมที่เป็นตัวเต็งของศึกเอเชียน คัพ 2023 นั่นก็คือ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ที่ในปีนี้บอกเลยว่ามาแรงแต่จะแซงทางโค้งรึเปล่าต้องมาดูกัน แต่บอกก่อนเลยดีกรีไม่ธรรมดาอยากรู้ว่าจะโหดขนาดไหนก็ตามKUBET มาดูกันได้เลย ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู EP.3 ก็สามารถย้อนกลับไปดูได้เช่นกัน
4.) ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย
ผลงาน : แชมป์ 3 สมัย ในปี 1984 / 1988 / 1996
ผลงานปี : 2019 เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 54
ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย เป็นตัวแทนของซาอุดีอาระเบียในฟุตบอลนานาชาติชาย พวกเขารู้จักกันในชื่ออัล-ซูกูร์ อัล-โคดูร์ (เดอะ กรีน ฟอลคอนส์) โดยอ้างอิงถึงสีเสื้อดั้งเดิมของพวกเขาคือสีเขียวและสีขาว และเป็นตัวแทนของทั้งฟีฟ่าและสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ทีมชาติซาอุดีอาระเบียถือเป็นหนึ่งในทีมชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเอเชีย โดยคว้าแชมป์ AFC Asian Cup ได้ 3 ครั้ง ในปี 1984, 1988 และ 1996
สามารถทำสถิติที่สามารถเข้าร่วมในการเข้าชิง Asian Cup ถึง 6 ครั้ง และผ่านเข้ารอบ FIFA World Cup ถึง 7 ครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก การแข่งขันในปี 1994 ซาอุดีอาระเบียเป็นทีมเอเชียกลุ่มแรกที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขัน FIFA ในถ้วยคิงฟาฮัด เมื่อปี 1992 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ มีเพียงออสเตรเลียและญี่ปุ่นเท่านั้นที่สามารถได้เข้าร่วมนี้ได้ในปี 1997 และ 2001 ไปได้
แม้ว่าออสเตรเลียจะประสบความสำเร็จเมื่อพวกเขาเป็นสมาชิกของ OFC ก็ตาม แต่ในฟุตบอลโลกปี 1994 ภายใต้การนำของ ฮอร์เก้ โซลารี ทีมชาติซาอุดีอาระเบียก็สามารถเอาชนะทั้งเบลเยียมและโมร็อกโกในรอบแบ่งกลุ่มก่อนจะตกไปพบกับสวีเดนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นทีมอาหรับทีมที่สองในประวัติศาสตร์ที่เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ของฟุตบอลโลกหลังโมร็อกโกในฟุตบอลโลกปี 1986
ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลชาติเอเชียไม่กี่ทีม (ยกเว้นทีมออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ) ที่ประสบความสำเร็จดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ระหว่างฟุตบอลโลก 2022 ซาอุดีอาระเบียสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่เมื่อพวกเขาเอาชนะอาร์เจนตินา ที่เป็นถึงแชมป์ฟุตบอลโลกได้ ในที่สุดด้วยสกอร์ 2–1 ประตู ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อาร์เจนตินาพ่ายแพ้ให้กับตัวแทนชาวเอเชียในฟุตบอลโลก – BY KUBET
อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียแพ้โปแลนด์และเม็กซิโกในนัดต่อไปนี้ และตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกเป็นอันดับ 4 ในปี 2027 ซาอุดีอาระเบียจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน AFC Asian Cup นี่จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศได้เป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ และพวกเขาจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ด้วย
จุดแข็ง : ปัจจุบันลีกในประเทศมีหลายสโมสรมากๆที่ได้นำนักเตะระดับโลกเข้ามาค้าแข้ง ส่งผลให้การพัฒนาฝีเท้าของนักเตะในประเทศก็จะก้าวกระโดดไปด้วย และนี่ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทีมชาติซาอุดีอาระเบียอาจจะกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ไปครองในปี 2023 นี้ก็เป็นได้
จุดอ่อน : เป็นทีมนี้ถ้าเครื่องติดก็คือไฟลุกไปเลยอย่างการเอาชนะทีมอย่างอาร์เจนตินาที่มีดีกรีถึงแชมป์โลก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฟอร์มผิดรูปก็จะช็อตไปดื้อๆเลยเช่นกัน อันนี้เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสักทีเช่นกัน
จุดน่าสนใจ : ด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง และตำแหน่งผู้เล่นที่มีแนวรุกจัดจ้าน ทำให้ทีมชาติซาอุดีอาระเบียเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเฮดโค้ชมากฝีมือที่จะมาคอยประกอบผู้เล่นให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
เฮดโค้ช : โรแบร์โต้ มันชินี่ ฝีมือในการจัดการทีมไม่ต้องพูดถึงโดยดูได้จากลีกในอังกฤษ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมอื่นๆอีกมากมาย บอกเลยว่า ทีมชาติอื่นมีหนาวครับงานนี้
คีย์แมน : เลือกไม่ถูกเลยว่าใครจะได้เป็นคีย์แมนเพราะตอนนี้ผู้เล่นเกือบจะทุกตัวของทีมแทบจะเป็นตัวหลักและแกนสำคัญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โอกาสคว้าแชมป์ : เป็นม้ามืดของทัวร์นาเมนต์นี้มาก งานนี้ต้องมาดูครับ ไม่กล้าจะพูดอะไรเยอะเลยดูจาก นักเตะและโค้ชที่ปีนี้จัดเต็มมากๆ
จบไปแล้วสำหรับ ทีมชาติที่ 4 ที่จะมาเป็นตัวเต็งในรายการนี้ ซึ่งยังคงเหลืออีก 1 ทีมชาติสุดท้าย จะเป็นทีมไหนมาตามดูได้ที่ EP.5 ได้เลยครับ ส่วนใครที่ชื่นชอบการดูบอลสด ก็สามารถเข้ามาดูได้ที่ KUBET เช่นเคยครับ