มาต่อกันที่อีพีสองกันเลยกับ เปิดตัวเต็ง 5 ทีม เสือในเอเชีย ในศึกเอเชียน คัพ 2023 ซึ่งใน EP.1 จะเป็นเสือตัวแรกของทวีปเอเชียใครที่อยากรู้ว่าเป็นทีมชาติไหนก็กลับไปย้อนดูได้เลยนะครับส่วนคนที่ดูมาแล้วก็มาต่อกันยาวๆกับ KUBET ได้เลยครับ
2.) ทีมชาติเกาหลีใต้

ผลงาน : แชมป์ 2 สมัย ในปี 1956 / 1960
ผลงานปี : 2019 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 27
ทีมชาติเกาหลีใต้กลายเป็นมหาอำนาจของฟุตบอลในเอเชียนับตั้งแต่ปี 1980 โดยพวกเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 11 รายการติดต่อกันถึง 10 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดสำหรับประเทศในเอเชีย แม้ว่าในตอนแรกจะผ่านการแข่งขันฟุตบอลโลก 5 รายการโดยไม่ได้รับชัยชนะเลย ก็ตาม แต่เกาหลีใต้ก็กลายเป็นทีมเอเชียทีมแรกจนถึงปัจจุบัน ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ หลังจากนั้นพวกเขาเป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่นในการแข่งขันในปี 2002

เกาหลีใต้ยังคว้าแชมป์เอเอฟซีเอเชียนคัพ 2 สมัย และได้รองแชมป์ 4 สมัย นอกจากนี้ ทีมยังคว้าเหรียญทอง 3 เหรียญและเหรียญเงิน 3 เหรียญในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์อีกด้วยเกาหลีใต้ยังเป็นหนึ่งในสองทีมที่ได้เข้าชิงชนะเลิศรายการ เอเชียน คัพมากที่สุด ถึง 6 สมัย โดยชนะเลิศ 2 สมัย ในปี 1956 และ 1960 และในปี 2019 พวกเขายังสามารถผ่านเข้ารอบเป็น 8 ทีมสุดท้าย ของการแข่งขันได้อีกด้วย
ทีมชาติเกาหลีใต้มีชื่อเล่นที่แฟนบอลมักเรียกพวกเขาว่า “Reds” เรดส์ เนื่องจากสีชุดการแข่งขันทีมเหย้าของพวกเขามักจะใช้สีแดงเป็นหลัก โดยเกาหลีใต้จะมีคู่แข่งคือมหาอำนาจในเอเชียทั้งหลายได้แก่ ทีมชาติญี่ปุ่น , อิหร่าน และออสเตรเลีย รวมถึงการที่เป็นอริ กับทีมชาติจีน และเกาหลีเหนือ อีกด้วยซึ่งเป็นเหตุผลทางด้านการเมืองนั่นเอง

จุดแข็ง : จุดแข็งของทีมชาติเกาหลีใต้คงหนีไม่พ้นเรื่องพละกำลังและทีมเวิร์ค การรักชาติของพวกเขา ซึ่งมันก็กลายเป็นจุดขายของทีมชาตินี้ไปแล้ว และดูเหมือนพวกเขายังคงเป็นทีมเบอร์ต้นๆที่ใครได้แข่งด้วยมักคิดหนัก นอกจากนี้ยังมีตัวเก่งตัวรุกของสเปอร์สกลับมาช่วยทีมชาติด้วยนั้นความฮึกเหิมน่าจะมาเต็มให้กับผู้เล่นคนอื่นๆในทีม – BY KUBET

จุดอ่อน :จุดอ่อนของทัพโสมขาวในชุดปัจจุบันแทบจะหาข้อด้อยไม่ได้เลยเพราะความแข็งแกร่งของทีมชุดนี้ฟอร์มดีพอๆกับทีมชาติญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นตำแหน่งไหนมาตรฐานของทีมก็ดันกันสูงไปไกลแล้ว ไกลแบบระบบตัวท็อปของทวีปหรือบางคนก็กลายไปเป็นตัวท็อปของโลกไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีจุดหนึ่งที่แอบสังเกตเห็นว่าทีมชาติเกาหลีใต้ยังมีตัวศูนย์หน้าที่จะจบสกอร์แบบเฉียบคมที่ไว้วางใจได้ยังไม่มี (หมายถึงตัวสำรอง)

จุดน่าสนใจ : อย่างที่บอกว่าแนวหน้าของเกาหลีใต้ ที่ไว้ใจได้มีไม่เยอะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ซน ฮึง-มิน ที่เป็นแนวรุกที่เฉียบขาดที่สุดในเวลานี้ แต่ ถ้าเป็นแบบนี้ คู่แข่งก็จะคอยตามประกบติดเจ้าตัวได้ แบบนี้ประสิทธิภาพของทีมก็จะถูกลดทอนลงไปกว่าครึ่ง เลยทีเดียวเพราะดูเหมือนว่า เจ้าตัวจะเป็นแกนหลักให้กับทีม
เฮดโค้ช : เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ผู้จัดการใหญ่ของทีมชาติเกาหลีใต้ ที่พึ่งเข้ามาคุมทีมได้ไม่นาน เจ้าตัวเข้ามาคุมทีมเมื่อต้นปี 2023 พร้อมกับตั้งเป้าหมายใหญ่ไว้สำหรับเวิลด์ คัพ 2026 แล้ว แต่เท่าที่ผ่านมา เจ้าตัวมีข่าวในแง่ลบเข้ามาอยู่บ้าง จนทำให้สมาธิและภาพรวมของทีมอาจจะแกว่งไปบ้าง แต่ทว่าถึงอย่างนั้น เจ้าตัวก็พาให้ทีมชนะทีมชาติเยอรมันได้ ทำให้ลูกทีมมีความมั่นใจมากขึ้น

คีย์แมน : คีย์แมนก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ซน ฮึง-มิน ที่เป็นเหมือนหัวใจของทีมมาตลอด ซึ่งผลงานที่ร้อนแรงของเจ้าตัวที่ทำได้ดีมาอย่างต่อเนื่องกับ ไก่เดือยทอง และนำมาต่อยอดให้กับทีมชาติ ซึ่งต้องมาดูกันว่าเจ้าตัวจะพาทีมชาติคว้าอันดับที่เท่าไหร่ของการแข่งขันในครั้งนี้
โอกาสคว้าแชมป์ : การรอคอยตลอด 63 ปี จะสิ้นสุดลงในปีนี้ไหม ต้องมาดูหากฟอร์มการเล่นยังคงไม่หลุดไปจากนี้ เชื่อว่าเกาหลีใต้มีสิทธิ์ที่จะลุ้นแชมป์อย่างแน่นอนและจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ขัดขวางเส้นทางของญี่ปุ่นแชมป์ของญี่ปุ่นอีกด้วย (กระดูกชิ้นโตเลยทีเดียว)
จบไปแล้วสำหรับ อีกหนึ่งทีมอย่างเกาหลีใต้ ดูจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งพอๆกับญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ซึ่งยังเหลืออีก 3 ทีมจะเป็นทีมอะไรบ้างนั้น ติดตามต่อได้ที่ EP.3 ได้เลยครับ ส่วนใครที่อยากดูการแข่งขันในรายการเอเชียน คัพ ก็สามารถเข้ามาดูได้ที่ KUBET ได้เลยนะครับ