“เดอ บรอยน์” ชายผู้ที่ได้ยินแค่ชื่อก็เสียวได้ทั้งลีก เพราะเขาคือนักเตะยอดเยี่ยม มากฝีมือที่ยกระดับตนเองเหนือนักเตะคนอื่นๆ ทั้งการจ่ายบอลแม่น ยิงบอลแม่น ทำให้เป็นที่จับตามองอย่างมากบนเรือใบสีฟ้าลำนี้ วันนี้ KUBET รวมข้อสรุปทั้งหมดถึงสาเหตุที่ทำให้พี่เขาแม่นมากขนาดนี้ จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย
ทำไมพี่ “เดอ บรอยน์” คนนี้ถึงให้บอลแม่นมากนะ?
เควิน เดอ บรอยน์ นักฟุตบอลชาวเบลเยียม ตำแหน่งกองกลางตัวรุก ปีกของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ร่วมทัพมาตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบันใครจะไปคิดว่าเขาร่วมงานกับเรือใบสีฟ้ามาแล้ว 9 ปี พาคว้าถ้วยแชมป์มาแล้วหลายรายการ คว้าเกียรติยศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก ปี 2017-18, 2018-19, 2020-21, 2021-22, 2022-23 รายการเอฟเอคัพ 2018-19 รายการอีเอฟแอลคัพ 2015-16, 2017-18, 2018-19 รายการเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2019 และรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รองชนะเลิศ 2020-21 และชนะเลิศ 2022-23
ก่อนหน้านี้เจ้าตัวต้องเข้ารับการผ่าตัดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังที่บ้านเกิด ทำให้หายตัวไปพักฟื้นยาวถึง 4 เดือน หลังจากการกลับมาของเขาในช่วงครึ่งฤดูกาลนี้ ก็สร้างความหวั่นใจให้กับนักเตะทั่วทั้งลีก เพียงได้ยินชื่อก็เสียวสันหลังสะแล้ว จากชื่อเสียงเรียงนามของ “เดอ บรอยน์” ผู้ที่ถูกเรียกว่าจ่ายบอลแม่น ให้บอลแม่นอย่างมากที่สุดในลีก เขามีความสำคัญอย่างไรกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้กันแน่?
หลังจากการกลับมาของ เดอ บรอยน์ ราวกับเขาไม่ต้องปรับจูนร่างกายใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างมันสมูทไปหมด ตั้งแต่เขาเข้าสนามก็สร้างความแตกต่างให้กับทีมเรือใบสีฟ้าได้ทันที อย่างแมทช์ที่เขาได้ลงเป็นตัวสำรองในนัดที่เจอกับนิวคาสเซิล วันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เขาสามารถช่วยทีมตีเสมอได้สำเร็จในครึ่งหลัง และเปิดทางให้กับออสการ์ บ็อบบ์ในการทำประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บคว้าชัยชนะอย่างสวยงามและนี่ก็คือเหตุผลทำไมเขาคือกองกำลังสำคัญของทีมเรือใบสีฟ้านั่นเอง
โดยวันนี้เราจะพูดถึงข้อสรุปของความแม่นบอลของ เดอ บรอยน์ กัน ทำไมเขาถึงมีความสามารถเหนือนักเตะคนอื่นๆกันแน่? ซึ่งจากผลวิจัยที่ทาง KUBET รวบรวมมานี้เป็นข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่คุณคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน จะเป็นอย่างไรไปดูกันต่อเลย
จุดเริ่มต้นสู่เส้นทางความแม่นบอล
จากข้อมูลพื้นฐาน เควิน เดอ บรอยน์ เขาคือนักฟุตบอลชาวเบลเยียมที่เติบโตและแจ้งเกิดตั้งแต่เด็ก เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังจากการเป็นนักเตะเยาวชนสโมสรเกนต์ และแจ้งเกิดกับสโมสรแค็งก์ ลงเล่นทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี จนกระทั่งเขาถูกดึงตัวมาสโมสรเชลซีในปี 2012-14
ทว่าในช่วงแรกเริ่มของเขาในสโมสรดังนั้นค่อนข้างที่จะยากไปสักนิด เพราะอยู่ภายใต้การคุมทัพของโชเซ มูรีนโย ในสมัยนั้นมีนักเตะระดับสูงมีมากมาย ทำให้เขาไม่สามารถแทรกช่องตรงนั้นเพื่อเป็นตัวจริงได้เลย นี่แทบจะเป็นเรื่องปกติมากในโลกฟุตบอลที่คุณจะต้องเรียนรู้จักการปรับตัวและหาสถานที่ที่เหมาะกับคุณให้ได้
ในที่สุด เดอ บรอยน์ ก็ได้พบกับสถานที่ที่ใช่อีกครั้ง เมื่อเขาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรว็อลฟส์บวร์คในปี 2014-15 และในฤดูกาลแรกที่เขาลงเล่นก็แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว โดยยิงไปทั้งหมด 16 ประตู 28 แอสซิสต์ในการลงเล่นทุกรายการ จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์มาได้สำเร็จ และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในลีกบุสเดิสลีกาอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ทำให้ มานูเอล เปเลกรินิ กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในยุคนั้น กล้าลงทุนคว้าตัวเขาร่วมทัพมากถึง 55 ล้านปอนด์ ในช่วงนั้นเขาอาจจะไม่ได้ฉายแววโดดเด่นสะมากมาย แต่พอเปลี่ยนผ่านมาในยุคของเปป กวาร์ดิโอลา ทุกอย่างกลับดูสมูทมากขึ้น เดอ บรอยน์ กลายเป็นความหวังตัวเต็งของทีมเรือใบสีฟ้าขึ้นมาทันที ทั้งยังพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์ถ้วยมากมายหลายรายการจนนับไม่ไหว รวมถึงรางวัลส่วนตัวอย่างนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย
สาเหตุใดที่ทำให้เขาแตกต่างจากกองกลางคนอื่นๆ?
ข้อมูลจากนักวิจัยด้านจิตวิทยาฟุตบอลและวิทยาศาสตร์การกีฬาของประเทศนอร์เวย์ ศาสตราจารย์ Geir Jordet ที่ได้รับการยอมรับผลงานวิจัยจากทั่วโลก โดยเขาได้ระบุว่า สมัยก่อนที่เขาทำวิจัยของนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ยกย่องว่าสตีเวน เจอร์ราร์ด และ แฟรงก์ แลมพาร์ด คือนักเตะที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด จนเขาได้มาพบกับ เดอ บรอยน์ เขาว่ามันขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลย ความแตกต่างระหว่างเดอ บรอยน์และเจอร์ราร์ด,แลมพาร์ด มันยกระดับสูงไปกว่านั้นเยอะ กลายเป็นมาตรฐานที่สูงขึ้นไปอีก
ติดตามสาเหตุที่ทำให้พี่เดอ บรอยน์คนนี้แม่นมากขนาดนี้ ได้ที่ [Part2] ผ่านทางเว็บไซต์ KUBET World ให้คุณอัพเดทข่าวสารวงการฟุตบอลแบบเรียลไทม์ โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลแบบจัดเต็ม ประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ พร้อมรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกแมตช์จนจบฤดูกาล เพียงเป็นสมาชิกเคยูเบท ลุ้นเกมเดิมพันสุดมันส์และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สมัครเลย!