KUBET พาไปใกล้ชิดติดบอร์ดผู้บริหารทีมฟุตบอลกันบ้าง สำหรับ 10 เจ้าของสโมสรสุดห่วย ยอดแย่จนพาทีมตัวเองล่มจม ดำดิ่งลงเหวนรก บางทีมถึงขั้นต้องขายนักเตะเกือบหมดทีม ซึ่งจะมีใครบ้าง? ตามไปรับชมกันเลย
10 เจ้าของสโมสรสุดห่วยแตก
1.คาร์ล ออยส์ตัน – แบล็คพูล
คาร์ล ออยส์ตัน (Karl Oyston) เป็นนักธุรกิจชาวอังกฤษที่รู้จักกันในนามอดีตประธานสโมสรแบล็คพูล ในสมัยต้นทศวรรษ 1999 ที่เขายังบริหารอยู่ในบอร์ดผู้บริหารทีมฟุตบอลอยู่นั้น เขาได้รับไม้ต่อการบริหารเป็นรุ่นที่ 3 โดยตระกูลของเขาเข้ามาบริหารสโมสรแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1988 ซึ่งช่วงแรกเป็นยุคที่เฟื่องฟูอย่างมากของแบล็คพูล เพราะยิ่งทำยิ่งดียิ่งมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อมาถึงไม้ต่อของคาร์ล ออยส์ตัน กลับยิ่งทำยิ่งแย่ ดำดิ่งลงเรื่อยๆ
ซึ่งครั้งหนึ่งสโมสรแบล็คพูลเคยขึ้นมายังดิวิชั่น 1 (ชื่อเดิมของพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน) ลีกสูงสุดของอังกฤษอีกด้วย แต่ขึ้นมาได้ไม่นานก็กลับลงไปลีกล่างอีกเช่นเคย จนกระทั่งในปี 2014-2015 สุดท้ายทีมแบล็คพูลต้องตกชั้นจากแชมเปี้ยนชิพร่วงหล่นไปลีกวัน ด้วยการจบอันดับสุดท้าย เป็นบ๊วยของตารางในช่วงเวลานั้น ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะทีมประสบปัญหาเรื่องเงินอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้นักเตะลงสนามไม่เพียงพอ จนในที่สุดต้องปล่อยนักเตะออก 27 คน
ปัจจุบันสโมสรแบล็คพูลยังอยู่ในระดับลีกวันของอังกฤษ จบอันดับที่ 8 ของตารางในฤดูกาล 2023/24 คุมทีมโดย นีล คริตช์ลีย์ ซึงเคยเป็นอดีตกุนซือทีมเยาวชนของสโมสรลิเวอร์พูล นอกจากนี้ คาร์ล ออยส์ตัน ยังเคยโดน FA สั่งแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลนาน 6 สัปดาห์ เนื่องจากเขาดันปากแจ๋วไปด่าแฟนบอลผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ถูกเด้งออกจากตำแหน่ง
ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET
2.เฆซุส กิล – อัตเลติโกเดมาดริด
เฆซุส กิล (Jesús Gil) เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวสเปน เขาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองมาร์เบย่าระหว่างปี 1991 ถึง 2002 และเคยดำรงตำแหน่งประธานสโมสรอัตเลติโกเดมาดริด หรือ แอตมาดริด ในปี 1987 ถึง 2003 นานถึง 16 ปี ในสมัยนั้นเขาเคยใช้ไม้ตายในการลงคะแนนเสียง โดยการประกาศว่าจะคว้าตัวเปาโล ฟูเตร์เข้าร่วมทีมและทำให้สโมสรมีชื่อเสียง ต่อมาหลังจากเขาได้เป็นประธานแล้ว ทีมแอตมาดริดคว้าแชมป์ได้หลายถ้วย
แต่ด้วยพฤติกรรมแปลกๆของเขาทำให้ภาพลักษณ์สโมสรย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ผลงานก็ย่ำแย่ลงจนตกไปลีกรอง อีกทั้งถือครองสถิติไล่กุนซือออกมากที่สุดตลอด 16 ปี 39 คนในยุคนั้น นอกจากนี้เฆซุส กิลยังมีคดีในชั้นศาลอีกหลายคดี หนึ่งในนั้นคือการซื้อหุ้นแบบผิดกฎหมาย และวีรกรรมสุดระห่ำอย่างเคยขี่ช้างตามท้องถนน ท้ายที่สุดเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งและเสียชีวิตลงในปีต่อมา จากสาเหตุการเสียชีวิตลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
3.เมาริซิโอ ซามปารินี – ปาแลร์โม่
สำหรับ เมาริซิโอ ซามปารินี (Maurizio Zamparini) อาจไม่ได้เป็นชื่อที่คุ้นหูมากนัก แต่หากใครที่เป็นแฟนบอลอิตาลีจะต้องรู้จักเขาอย่างแน่นอน โดยซามปารินีเข้ามาบริหารทีมปาแลร์โม่ตั้งแต่ปี 2002 ในตอนแรกทีมปาแลร์
โม่อยู่ในชั้นเซเรียบี แต่เขาตั้งเป้าว่าจะพาไปเซเรียอาและคว้าถ้วยสคูเดตโตมาครอง
การทำงานของเขาเหมือนกับสโมสรอื่นๆที่ปั้นนักเตะแล้วขายออก เน้นเอากำไร ในที่สุดเขาก็พาทีมไปสู่ชั้นเซเรียอาได้สำเร็จ แต่ทว่าด้วยความที่เขาเป็นเผด็จการพอตัว ทำให้เขาไล่กุนซือออกเป็นว่าเล่น โดยตลอด 17 ปีที่เขาบริหารไล่ออกไปแล้ว 40 คน จนกระทั่งในปี 2016-2017 ทีมตกชั้นกลับไปเซเรียบีอีกครั้ง
ต่อมาซามปารินีถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัยข้อหาฟอกเงิน จากการขายแบรนด์ปาแลร์โม่ให้กับบริษัทที่เขาจ้าง ก่อนจะซื้อกลับมาในราคาถูก เพื่อปิดบังตัวเลขติดลบ สุดท้ายเมื่อปี 2020 เขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 80 ปี เนื่องจากมีอาการเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ส่งผลให้สโมสรปาแลร์โม่ตกชั้นลงไปเซเรียดีในเวลาต่อมา
ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET
4.ลูเซียโน เกาชี่ – เปรูจา
ลูเซียโน เกาชี่ (Luciano Gaucci) เป็นนักธุรกิจ นักกีฬาชาวอิตาลีและอดีตประธานสโมสรเปรูจา ในตอนนั้นเขาเข้ามาบริหารในช่วงที่ทีมอยู่เซเรียซีในปี 1991 และเคยพาทีมขึ้นสู่เซเรียเอ ลีกสูงสุดของอิตาลีได้สำเร็จ แต่หาสถานการณ์ของเขาก็เกิดข้อถกเถียงอย่างมาก เนื่องจากเขาชื่นชอบการแทงม้าแข่ง แต่ดันไปเล่นในช่วงที่ทีมกำลังเลื่อนชั้นขึ้นสู่เชเรียอา ทำให้เมื่อทางสมาคมรู้เข้าจึงปฏิเสธการเลื่อนชั้นของเขาทันที แต่สุดท้ายเกาชี่ก็สามารถพาทีมกลับมาลีกสูงสุดได้อีกครั้งปี 1996
วีรกรรมของเขาเป็นที่เลื่องลือต่อเนื่องต่อปี จนมาถึงในปี 2002 เขาปฏิเสธการจ่ายค่าเหนื่อยให้กับ อาห์น จุง ฮวาน (Ahn Jung Hwan) นักเตะชาวเกาหลีใต้ที่เล่นให้กับสโมสรในตอนนั้น โดยเกาชี่ได้ให้เหตุผลว่า “ผมไม่มีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินเดือนให้กับคนที่ทำลายวงการฟุตบอลอิตาลี”
ไม่นานหลังจากนั้นสโมสรก็ดำดิ่งลงเรื่อยๆ เกาชี่ถูกสอบปากคำคดีการฉ้อโกง ส่งผลให้เปรูจาล้มละลายในปี 2005 ส่วนตัวเขาหลบหนีไปสาธารณรัฐโดมินิกันถึง 4 ปี ต่อมาเขาถูกตัดสินให้รอลงอาญาจำคุก 3 ปี เกาชี่เดินทางกลับอิตาลีในเดือนมีนาคม 2009 และเสียชีวิตในซานโตโดมิงโกด้วยวัย 81 ปี
ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET
5.ไมค์ แอชลี่ย์ – นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ไมค์ แอชลี่ย์ (Michael Ashley) เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกชาวอังกฤษและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารบริษัทเฟรเซอส์กรูปจำกัด (มหาชน) และยังเป็นถึงประธานสโมสรนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ระหว่างปี 2007 ถึง 2021ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่บริหารสโมสร เขาไม่เคยรู้เรื่องฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย ในมุมมองของเขาสโมสรเป็นเพียงธุรกิจอย่างหนึ่งเพื่อใช้หาผลประโยชน์เท่านั้น เขาไม่สนใจแม้กระทั่งประวัติศาสตร์สโมสร ผู้จัดการทีม หรือแม้แต่แฟนบอล
ในช่วงที่เขาบริหารนั้นนิวคาสเซิลตกชั้นแบบไม่เหลือชิ้นดี ทำแฟนบอลทุกข์ใจอย่างมาก เพราะพวกเขาเคยเป็นทีมที่แข็งแกร่งและต่อกรลุ้นพรีเมียร์ลีกกับทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมาอย่างดุเดือด นอกจากนี้เขายังเคยเอา “เซนต์เจมส์พาร์ค” สนามรังเหย้าของนิวคาสเซิลที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะอังกฤษไปเปลี่ยนชื่อเพื่อขายกิน และโกยเงินเข้ากระเป๋าตนเอง จนแฟนบอลต้องออกมาประท้วงกว่าแสนคน
อย่างไรก็ตาม โชคเข้าข้างพวกเขาเมื่อมีกลุ่มนักลงทุนจากซาอุมาซื้อหุ้นทั้งหมดของสโมสรด้วยมูลค่ากว่า 300 ล้านปอนด์ จนในที่สุด ไมค์ แอชลี่ย์ ก็ยอมยกให้ทั้งหมด ในปัจจุบันสโมสรนิวคาสเซิลกลายเป็นสโมสรที่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง พวกเขาจบอันดับที่ 7 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
อ่านต่ออีก 5 คนสุดท้ายได้ที่ EP.2 ผ่านทางเว็บไซต์ KUBET World ให้คุณอัพเดทก่อนใครแบบเรียลไทม์ รวมถึงโปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลแบบจัดเต็ม ประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ พร้อมรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกแมตช์จนจบฤดูกาล เพียงเป็นสมาชิกเคยูเบท ลุ้นเกมเดิมพันสุดมันส์และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สมัครสมาชิกที่นี่!