เออร์ลิง ฮาลันด์ จะทำลายสถิติการทำประตูของเชียเรอร์ได้เมื่อไหร่? EP.1

การเริ่มต้นที่ร้อนแรงของฮาลันด์

ฮาลันด์เข้ามาสู่พรีเมียร์ลีกด้วยฟอร์มการเล่นที่เกินคาดหมาย การยิงประตูของเขาไม่เพียงแต่ต่อเนื่อง แต่ยังมาพร้อมกับการปรับตัวที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

ในช่วงเวลาเพียง 2 ปีครึ่งแรกของเขากับแมนฯ ซิตี้ เขาทำไปแล้ว 80 ประตูจากการลงเล่นเพียง 88 นัด คิดเป็นอัตราการทำประตู 0.91 ประตูต่อเกม ซึ่งถือว่าสูงมากในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก นักเตะหลายคนที่เริ่มต้นได้อย่างโดดเด่นมักประสบปัญหาในการรักษาฟอร์มการเล่นในระยะยาว

แต่ฮาลันด์ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น ด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง เทคนิคการเล่นที่เหนือชั้น และความสามารถในการยิงประตูจากหลากหลายสถานการณ์ เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีศักยภาพที่จะรักษาฟอร์มนี้ไว้ได้อีกยาวนาน

สัญญาที่เปลี่ยนเกม

การต่อสัญญาฉบับใหม่ของฮาลันด์กับแมนฯ ซิตี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมั่นใจของสโมสรในตัวเขา แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงคู่แข่งในลีกอีกด้วย ในวัยเพียง 24 ปี ฮาลันด์ยังมีเวลาอีก 12 ปีในอาชีพค้าแข้ง และหากเขาอยู่ในพรีเมียร์ลีกจนหมดสัญญา เขาจะมีโอกาสสร้างสถิติที่ยากจะถูกทำลาย

ความสำเร็จในช่วงแรกของฮาลันด์กับแมนฯ ซิตี้บ่งบอกถึงความสามารถของเขาในการปรับตัวและรักษาความต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสถิติยิงครบ 50 ประตูในพรีเมียร์ลีกได้เร็วที่สุดด้วยจำนวนเพียง 48 นัด หรือการทำแฮตทริกในเกมสำคัญหลายครั้ง ทุกอย่างชี้ให้เห็นว่าเขาอยู่ในเส้นทางที่จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ

อลัน เชียเรอร์ ผู้ถือสถิติ 260 ประตูในพรีเมียร์ลีก ใช้เวลาถึง 441 นัดในการสร้างสถิติอันน่าทึ่งนี้ ฮาลันด์ในปัจจุบันกำลังอยู่ในเส้นทางที่สามารถทำลายสถิติดังกล่าวได้ในเวลาเพียงครึ่งเดียว

หากอัตราการทำประตู 0.91 ต่อเกมของเขายังคงที่ เขาจะสามารถทำลายสถิติของเชียเรอร์ได้ภายใน 287 นัด ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเชียเรอร์อย่างมาก

นอกจากนี้เชียเรอร์ยังถือสถิติการยิงครบ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีกได้เร็วที่สุดใน 124 นัด

ซึ่งเป็นตัวเลขที่ฮาลันด์สามารถทำลายได้หากเขายังคงฟอร์มเดิมไว้ โดยคาดการณ์ว่าเขาจะถึง 100 ประตูได้ในเพียง 110 นัด

หากพิจารณาจากฟอร์มการเล่นในปัจจุบัน ฮาลันด์อาจใช้เวลาเพียง 6 ฤดูกาลเต็มในการทำลายสถิติของเชียเรอร์

นั่นหมายความว่า หากเขายังอยู่กับแมนฯ ซิตี้และยังคงรักษาฟอร์มการเล่นในระดับนี้ไว้ได้ เขาอาจทำลายสถิติได้ภายในปี 2030 หรือเร็วกว่านั้น

อย่างไรก็ตามการคาดการณ์นี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การลงเล่นอย่างต่อเนื่องในพรีเมียร์ลีก ความสามารถในการหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง

และการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมและผู้จัดการทีมในระยะยาว หากเขาสามารถจัดการปัจจัยเหล่านี้ได้ เป้าหมายดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม

ปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลกระทบ

แม้ว่าฮาลันด์จะดูเหมือนนักเตะที่ไม่มีใครหยุดได้ แต่เขาก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น:

1. อาการบาดเจ็บ: อาการบาดเจ็บเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวงการฟุตบอล หากฮาลันด์ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่รุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องในการทำประตูของเขา
   
   
2. การเปลี่ยนแปลงในทีม: การเปลี่ยนผู้จัดการทีม ระบบการเล่น หรือเพื่อนร่วมทีมสำคัญ อาจส่งผลต่อโอกาสและจำนวนประตูของเขา
   
   
3. ข่าวลือการย้ายทีม: ในอดีตเคยมีข่าวลือว่าฮาลันด์อาจย้ายไปเล่นในลาลีกา หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ความฝันที่จะทำลายสถิติในพรีเมียร์ลีกก็อาจสิ้นสุดลง
   
   
4. ความกดดันและความคาดหวัง: เมื่อเขาเข้าใกล้สถิติ ความกดดันจากแฟนบอลและสื่ออาจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อจิตใจและฟอร์มการเล่นของเขา