KUBET ขอพาทำความรู้จัก “ชนาธิป สรงกระสินธ์” นักเตะชาวไทยที่มีชื่อเสียงและประวัติความเป็นมาในวงการลูกหนังที่น่าสนใจ ทั้งยังเป็นเจ้าของฉายา ‘เมสซี่เจ’ แห่งประเทศไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับคนไทยไว้มากมาย
“ชนาธิป สรงกระสินธ์” นักฟุตบอลทีมชาติไทย เจ้าของฉายา เมสซี่เจ ปัจจุบันสังกัดอยู่สโมสร’บีจี ปทุม ยูไนเต็ด’ หรือ ‘เดอะแรบบิท’ ไทยลีก และทีมชาติไทย ‘เจ ชนาธิป’ เริ่มมีชื่อเสียงในวงการลูกหนังจากการที่เป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดในชุดใหญ่ทีมชาติไทย ที่เข้าร่วมแข่งขัน AFF Suzuki Cup 2012 (ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ AFF Championship)
และสามารถคว้าตำแหน่งรองแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากนั้น 2 ปีถัดมา “ชนาธิป” พาทีมคว้าแชมป์ในปี 2016 อีกสมัย และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมถึง 2 ครั้ง
“เจ ชนาธิป” เป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่คว้าเหรียญทองการแข่งขันซีเกมส์ในพม่าปี 2013 และซีเกมส์ในสิงคโปร์ปี 2015 ทั้งยังคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันของเอเชียนเกมส์ในเกาหลีใต้ปี 2014 อีกด้วย
ฉายา เมสซี่เจ มาจากไหน?
ฉายานี้มีที่มาจากความที่เจ้าตัวมีรูปร่างเล็ก แต่ดันมีทักษะฝีเท้าที่ดี มีความคล่องแคล่วไหว การเคลื่อนไหวและมีไหวพริบเข้าใจเกมสูง ทำให้แฟนคลับต่างยกย่องและตั้งชื่อฉายา ‘เมสซี่เจ’ ให้แก่ ชนาธิป ไปโดยปริยาย ตามชื่อของ ’ลิโอเนล เมสซิ‘ นักเตะแชมป์โลกชาวอาร์เจนตินา ที่ลักษณะคล้ายคลึงกันกับ เจ ชนาธิป นั่นเอง
ประวัติความเป็นมา
“ชนาธิป สรงกระสินธ์” เกิดวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ได้รับการฝึกสอนให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ โดยพ่อของเขาเอง และเริ่มต้นเล่นกีฬาฟุตบอลอย่างจริงๆจังๆ ในช่วงประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร จากนั้นได้ย้ายไปเรียนต่อที่ โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ ช่วงประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 จนจบการศึกษา
หลังจากจบการศึกษาชั้นประถม ‘เจ ชนาธิป‘ ได้เดินทางกลับจังหวัดนครปฐมเพื่อศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียน สามพรานวิทยา และในช่วงนี้เองที่เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลเดินสายกับ ทีมซีแอล ไฮสปีด ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลเดินสายมีชื่อเสียงในจังหวัดนครปฐมในขณะนั้น
หลังจากจบการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น ‘ชนาธิป’ ได้ศึกษาต่อในสาขาการตลาดที่วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชย์การราชดำเนิน และเล่นฟุตบอลให้กับสถาบันไปด้วย โดยคว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษารุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีให้กับวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชย์การราชดำเนินในปี พ.ศ. 2554
ถึงอย่างนั้น เขายังเคยศึกษาสาขาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในต้นปี 2558 และย้ายคณะไปศึกษาต่อ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยังเข้ารับราชการตำรวจรับการฝึกอบรมที่ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธร ภาค7
“ชนาธิป สรงกระสินธ์” กับเส้นทางฟุตบอลสายอาชีพ
รวบรวมข้อมูล By KUBET Team
- ในช่วงปีพ.ศ. 2554
สมัยนั้น เจ ชนาธิป เป็นเพียงผู้เล่นระดับนักเรียน แถมยังเคยถูก สโมสรฟุตบอลทีโอที เอสซี ปฏิเสธร่วมเซ็นสัญญา เพียงเพราะมีรูปร่างเล็ก ไม่เหมาะจะเป็นนักเตะมืออาชีพ หลังจากนั้น สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เห็นแววและศักยภาพของเขาจนเรียกตัวมาร่วมทัพชุดเยาวชน U19 และรับค่าแรงเดือนละ 10,000 บาท
ต่อมา ชนาธิป พาทีมเยาวชน U19 คว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นผลงานที่น่าประทับใจในสโมสร บีอีซี เทโรศาสน จากนั้นไม่นาน โค้ชทีมชาติไทยชุดเยาวชน สมชาย ชวยบุญชุม ได้เรียกตัวเขาเข้าร่วมทัพทีมชาติไทยรุ่นเยาวชน U19 และได้โอกาสลงคัดเลือก โดยครั้งนั้นทีมชาติไทยได้แชมป์กลุ่มและผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยในการคัดเลือกครั้งนั้น ชนาธิป ได้โชว์ฝีเท้าลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งแรก และได้ทำประตูให้กับทีมชาติไทยชุดเยาวชน U19 สำเร็จ
- ในช่วงปี พ.ศ. 2555
ชนาธิปได้รับโอกาสสำคัญจาก แอนดรูว์ อ็อด กุนซือใหญ่จากทีมที่ติดชุดใหญ่ขณะนั้น และได้ลงเล่นให้กับต้นสังกัดครั้งแรกในนัดสนามไทยพรีเมียร์ลีก ในขณะนั้นทีมเขาบุกไปเยือนถิ่นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแม้จะพ่ายแพ้กลับไป 2-1
ต่อจากนัดนั้น เขาได้โอกาสแสดงฝีเท้าอีกครั้ง โดยการแข่งขันกับการท่าเรือ นัดนี้ถือเป็นผลงานนัดสำคัญที่ทำแฟนบอลจดจำเขาด้วยการถูกส่งมาลงเล่นในฐานะตัวสำรองที่ทำประตูคนเดียว 2 ลูก โดยลูกที่ 2 เป็นลูกที่ทำความเร็วไปครึ่งสนามก่อนจะเลี้ยงบอลหลบผ่านประตูเข้าไปอย่างสวยงาม 2-0
เจ ชนาธิป ในวัย 18 ปี ทำผลงานการเล่นยอดเยี่ยมให้กับทีมชาติไทยรุ่นเยาวชน U19 ทำให้เขายึดตำแหน่งสำคัญภายในทีมได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกในทีมเยาวชนและพาทีมคว้าอันดับ 3 จากผลงานใหญ่นี้ เขาได้ลงเล่นเล่นให้กับทีมชาติไทยรุ่นเยาวชนไม่เกิน 19 ปีในรอบสุดท้ายของการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- ในช่วงปี พ.ศ. 2556
ในปีต่อมา ชนาธิป ถูกทีมชาติชุดใหญ่เรียกตัวอีกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 42 แถมได้ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่ครั้งนั้นเขาทำได้เพียงคว้าอันดับที่ 3
- ในช่วงปี พ.ศ. 25567 – 2559
เป็นช่วงที่เขาได้แสดงผลงานในไทยจนเป็นที่น่าพอใจ และเข้าตาสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมฟุตบอลเจลีกจากประเทศญี่ปุ่น ติดต่อขอดึงตัวชนาธิปไปร่วมทัพด้วยสัญญายืมตัว ถือเป็นโอกาสก้าวสำคัญครั้งแรกของเขาที่จะได้โลดแล่นในวงการเจลีกและเป็นความหวังให้กับแฟนบอลชาวไทย KUBET Thailand
“ชนาธิป สรงกระสินธ์”กับเส้นทางสู่เจลีก
- ในช่วงปี 2560 เลก 2
ชนาธิป เปิดตัวกับทีมสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร ด้วยสัญญายืมตัวจาก สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด โดยได้เริ่มก้าวเข้าสู่เจลีกและเข้าร่วมทีมตั้งแต่เลก 2 ของฤดูกาลนั้น ชนาธิป คว้าตำแหน่งMVP ของสโมสรในปี 2018 โดยผลคะแนนโหวตเป็นอันดับหนึ่งจากเพื่อนร่วมทีม 22 คน และนอกจากนี้ เขายังได้รับผลโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งเจลีกในปี 2018 อีกด้วย นับว่าเป็นนักเตะชาวไทยที่ได้การยอมรับจากแฟนบอลในประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก
หลังจากนั้นคอนซาโดเล ซัปโปโรได้เซ็นสัญญาถาวรเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง และหลังจากนั้นถูกย้ายไปร่วมงานกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ด้วยค่าตัวทั้งสิ้น 100 ล้านบาท ถือว่าทำลายสถิติสูงสุดของเจลีกสำหรับการโอนในประเทศเลยทีเดียว
“ชนาธิป สรงกระสินธ์” กลับสู่แดนสยาม
เขาค้าแข้งในเจลีกรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 7 ปี และได้ตัดสินใจกลับสู่ประเทศไทยเพื่อสานฝันในฐานะนักฟุตบอลที่ต้องการลงเล่นสนามทุกเมื่อ โดยปัจจุบันเขาสังกัด สโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นการกลับมาค้าแข้งในไทยลีกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ย้ายไปเล่นในเจลีกแดนปลาดิบ
หลังจาก “เจ ชนาธิป” ได้กลับสู่อ้อมอกแฟนคลับประเทศไทย ทำให้เยาวชนไทยต่างประทับใจไอดอลของพวกเขาและอยากเดินตามรอย เมสซี่เจ ถึงแม้ตัวจะเล็กแต่ก็แสดงให้เห็นว่าไปได้ไกลถึงเจลีกด้วยค่าตัวราวๆ 100 ล้านบาท ซึ่งทาง KUBET ขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนไทยทุกคนและสมาชิกทุกท่านที่ชื่นชอบบอลไทย สามารถติดตามข่าวสารดีๆได้ที่นี่