“เจ้าแบงค์ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” นักเตะดาวรุ่งไทย สังกัดสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมชาติไทย ลุยลีกเบลเยี่ยมพร้อมกับสโมสร ‘โอเอช ลูเวิน’ อย่างเป็นทางการ! ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี – by KUBET Team
“ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” แนวรุกศรีสะเกษกองหน้าทีมชาติไทย ได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการในฐานะผู้เล่นใหม่ของ Oud-Heverlee Leuven ในลีกเบลเยียม หลังจากย้ายไปร่วมทีม ลูเวิน ด้วยสัญญายืมตัวที่บุรีรัมย์ไป 1 ปี แต่เพิ่งได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ ‘เจ้าแบงค์’ จะสวมเสื้อหมายเลข 19 ให้กับต้นสังกัดใหม่ หลังจากเพิ่งได้รับวีซ่าไปทำงานในเบลเยียม

หลังจากที่มีเปิดตัวอย่างเป็นทางการ “ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” ก็เริ่มซ้อมกับทีมทันที ต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทีมใหม่และปรับตัวให้เข้ากับกลยุทธ์แท็กติกต่างๆ พิสูจน์ตัวเองกับเพื่อนร่วมทีม และมองหาโอกาสที่จะก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งใน 11 ผู้เล่นตัวจริง
“ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” ยอมรับว่าแม้จะเป็นงานยากสำหรับนักเตะไทยที่จะเล่นในยุโรปก็ตาม แต่ก็อยากจะพิสูจน์กับตัวเองว่าสามารถทำได้ และจะสู้ให้สุดความสามารถจนกว่าเขาจะทนไม่ไหวและหลังจากนั้นค่อยมองไปยังอนาคตต่อไป
สำหรับศุภณัฏฐ์ “เจ้าแบงค์” วัย 21 ปี เริ่มต้นเป็นอาชีพนักฟุตบอลให้กับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และได้ลงเล่นชุดใหญ่ ด้วยอายุเพียง 15 ปี ถือเป็นสถิติผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในวงการบอลไทยลีกและเอฟเอซี แชมเปียนส์ลีกอีกด้วย
เคยเล่นในไทยลีกให้ ‘บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด’ มาแล้วทั้งหมด 101 นัด ยิงได้ 24 ประตู และแอสซิสต์ 15 ครั้ง มีบทบาทพาทีม “ปราสาทสายฟ้า” คว้าแชมป์ไทยลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย และ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 1 สมัย
ในระดับทีมชาติไทย ศุภณัฏฐ์ ติดสมาชิกเยาวชนทีมชาติไทยทุกทีม และลงเล่นให้ทีมชาติไทยไปทั้งหมด 12 นัด ทำได้ 4 ประตู และเป็นหนึ่งในผู้เล่นในทีมชาติไทยที่คว้าแชมป์ AF Cup แชมป์เปียนส์ชิพ ในปี 2020
การพัฒนาของ “เจ้าแบงค์” ค่อนข้างไปในทิศทางที่ดี ร่างกายและกล้ามเนื้อเติบโตแข็งแรง ฝีเท้าหนักแน่น และที่สำคัญคือประสบการณ์ในการเล่นเกมชั้นระดับสูงที่สะสมมาตั้งแต่ยังน้อย เรียกสั้นๆว่า ‘เทพเกินวัย’ นั่นเอง
ด้วยอายุเพียงแค่ 21 ปี กับความสามารถเฉพาะตัวในไทยลีก ทำให้ผลงานเป็นไปได้สวย แต่สำหรับ ‘ศุภณัฏฐ์ ’ นั้นเป็นเพียงเส้นทางเริ่มต้นสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่ และการออกไปเผชิญโลกกว้างนั้นน่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเขามากที่สุด
การย้ายรั้วสนามแข่งขันในครั้งนี้ของเขา คือความท้าทายและการพิสูจน์ตนเองครั้งสำคัญอย่างแท้จริง เพราะมันไม่ใช่โอกาสของเขาเพียงคนเดียว แต่ยังแบกความหวังของชาวไทยทั้งประเทศที่อยากเห็นความสำเร็จอีกด้วย
จากแหล่งข่าว KUBET ก่อนหน้านี้ โอเอช ลูเวิน มีนักเตะไทยมาร่วมแข่งขัน 4 คน ได้แก่ กวิน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ,ธนธรณ์ น้ำจันทร์ , ธาวิน มหจินดาวงษ์ และศิริมงคล รัตนภูมิ ที่เหลืออยู่คนเดียว โดยเล่นกับทีม U-23
แต่เนื่องจาก กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เคยลงตำแหน่งเป็นผู้รักษาประตูเมื่อปี 2018 และมีอายุ 33 ปี อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งกับคนในทีมได้ จากนั้นไม่นานผลงานเขาก็ลดลงทีละนิด
ถึงแม้ โอเอช ลูเวิน จะเป็นสโมสรของคนไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเตะจากประเทศไทยจะได้สิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ เพราะที่ลีกยุโรปนั้น วัดกันด้วยผลงานล้วนๆ และนั่นแสดงว่า การโชว์สกิลความสามารถของ ศุภณัฏฐ์ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

หลังจากเดินทางย้ายไปสโมสรโอเอช ลูเวิน ‘ศุภณัฏฐ์’ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการช่อง GU Talk EP.01 ของสโมสรไว้ว่า
“การได้ออกไปเล่นในยุโรป มันคือความท้าทายใหม่ของเราด้วย เล่นเพื่อครอบครัว เพื่อตัวเอง ผมคิดว่าถ้าผมทำได้ ก็จะทำให้คนเห็นว่านักเตะไทยก็เล่นได้ครับ”
“สมัยเด็กไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้ ผมคิดว่าได้เล่นฟุตบอลกับพี่ชาย กับครอบครัวก็โอเคแล้ว แต่พอโตขึ้นผมก็มีความฝันในเส้นทางฟุตบอลว่า อยากไปเล่นในยุโรป ซึ่งตอนนี้ก็กำลังจะเป็นจริงแล้วครับ”
“การได้อยู่บุรีรัมย์ ถือเป็นความโชคดีของผม เพราะคนรอบข้างเป็นแบบอย่างให้กับผม ได้เรียนรู้จากคนเก่งๆ ที่ผ่านโลกมาก่อนเรา อาจทำให้ผมมีความคิดและมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีวินัยมากทั้งในและนอกสนาม ก็อาจมีบ้างที่ทำตัวดื้อ แต่ก็รู้ตัวเองว่าทำได้แค่ไหนครับ เราอยู่แล้วก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราเล่นได้”
“ผมไม่ได้คิดเรื่องอายุ หรือถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ผมมองไปที่นักเตะต่างชาติที่มาเล่นกับบุรีรัมย์หรือมาเล่นที่ไทย เข้ามาเพื่อที่จะเล่นฟุตบอล ไม่มีอย่างอื่นต้องสนใจ ผมแค่ได้รับโอกาสก็จะพยายามไปเล่นให้เต็มที่ ก็พยายามพูดกับตัวเองว่า ผมทำได้ เรื่องที่ยากอาจจะเป็นเรื่องภาษา แต่เราก็ต้องเรียนรู้ไป”
“พอผมได้ไปซ้อมที่ยุโรป ผมมองว่าจริงๆ นักเตะไทยเราสู้ได้นะครับ แต่อาจติดเรื่องการดูแลร่างกาย ระเบียบวินัย เรื่องทัศนคติ ที่นู้นเขาจริงจังกว่าเรามากๆ เยอะมากๆ เลยครับ อย่างการเข้ายิม เรื่องอาหาร เรื่องการซ้อม สามอย่างนี้ที่เลสเตอร์ ก็ต่างกับบ้านเรามากๆ พวกเขาทำงานกันทั้งวัน ซึ่งช่วงแรกที่ผมไป ก็หนักเหมือนกันครับ แต่พออยู่ไปก็เริ่มรู้สึกว่าเราก็สู้ได้ เขาให้เราแข่งขันกันตั้งแต่เด็กๆ ให้สู้กันแบบ 1-1 พอโตขึ้นเด็กๆ จะมีทักษะก็ค่อยมาปรับใช้กับทีมครับ”
“ตอนแรกที่ผมได้ไปซ้อมกับเลสเตอร์ ตอนอายุ 19 ผมไปเห็นเด็ก 17-18 รู้สึกว่าตัวเองมายุโรปช้าไปหน้าจะมาให้เร็วกว่านี้ ทำให้พอมีโอกาส ผมก็เลือกมายุโรปก่อน เพราะต่อให้ไม่ประสบความสำเร็จที่ยุโรป ก็ยังไม่แก่เกินไปที่จะกลับมาเล่นในเอเชีย ตอนนี้ก็ได้ซ้อมกับ โอเอช ลูเวิน ไปบ้างแล้วที่อังกฤษ ความเข้มข้นก็ถือว่าดีครับ เป็นสโมสรที่มีคุณภาพมาก”
“ถ้าเกิดผมประสบความสำเร็จที่เบลเยี่ยม ก็อาจหวังไปเล่นในลีกที่สูงขึ้นไปอีกครับอย่าง ลาลีกา บุนเดสลีกา พรีเมียร์ลีก ถ้าผมทำได้นะครับ แต่ถ้าเกิดไม่สมหวัง ผมก็จะบอกตัวเองว่าให้ลองอีก จนกว่าจะทำไม่ได้จริงๆ ถ้าเปรียบเป็นมวยก็คือผมต้องโดนน็อค ผมถึงจะยอมแพ้”

สำหรับผลงานครั้งถัดไปของ โอเอช ลูเวิน เปิดบ้านต้อนรับ เกนท์ ในวันที่ 17 กันยายนนี้ ต้องลุ้นกันต่อไปว่า ศุภณัฏฐ์ จะมีรายชื่อติด 11 ผู้เล่นตัวจริงหรือไม่
KUBET เว็บไซต์ข่าวสารกีฬา รวบรวมข่าวสารฟุตบอลไทยและฟุตบอลต่างประเทศ ตลาดนักเตะ โปรแกรมการแข่งขันทุกลีก และอัพเดทข่าวสารทุกสโมสรตลอดทุกวัน