อะไรจะเกิดขึ้นถ้า “โรแบร์โต้ เด แซร์บี้” มาคุมทีมเชลซี เป็นที่จับตามองเป็นอย่างมากเมื่อมีรายงานถึงผลงานของกุนซืออย่างโปเช็ตติโน่ ที่พาทีมพลาดแชมป์ คาราบาว คัพที่ผ่านมาทำให้มีการเสนอชื่อกุนซือคนต่อไปหากเขาถูกปลด เรื่องราวจะเป็นยังไง KUBET ได้รวบรวมมาให้คุณแล้วครับ
โรแบร์โต้ เด แซร์บี้
โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ตกเป็นข่าวอาจเข้ามาคุมทีมเชลซี แทน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โดยอดีตกุนซือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ กำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนจากผลงานที่ย่ำแย่และน่าผิดหวังในฤดูกาลนี้ หลังจากที่พาเชลซี พ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล โดยหงส์แดงนั้นต้องบอกเลยว่าอยู่ในสภาพที่ขาดผู้เล่นตัวหลักๆไปเยอะมากจนต้องส่งนักเตะอายุน้อยลงสนามแต่ดันชนะในศึกคาราบาว คัพ
และเหตุการณ์นี้เองทำเอาแฟนบอลส่วนใหญ่เริ่มหมดศรัทธาในตัวของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และพวกเขาก็คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมอีกด้วย ตามรายงานของสำนักงานข่าวต่างประเทศได้ระบุว่า “เชลซี” ได้เสนอชื่อ เด แซร์บี้ ให้เป็นหนึ่งในกุนซือที่จะเข้ามาแทน โปเช็ตติโน่ นั่นเองหากเขาถูกปลดออก หากว่าดีลนี้เกิดขึ้นจริง 4 สิ่งที่จะเกิดกับสโมสรจะมีอะไรบ้างถ้า เด แซร์บี้ ต้องมาคุมเชลซี
1.) บอลเปลี่ยนแผน
ทุกคนเคยคิดไหมครับว่าทำไมการเปลี่ยนโค้ชแต่ละครั้งของสโมสร ทำให้ผลงานของทีมออกมาดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทั้งที่ขุมกำลังก็ชุดเดียวกัน ต้องบอกเลยว่าหนึ่งในบทบาทสำคัญนี้แฝงไปด้วยเทคนิคต่างๆหนึ่งในนั้นคือแผนการเล่นใหม่ๆที่จะทำให้ทีมดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเชื่อว่าหากเด แซร์บี้ ได้ย้ายมาร่วมทัพกับเชลซีจริงๆเขาจะสามารถพาสิ่งนั้นมาสู่ทีมได้ เช่นกัน เพราะเขาชอบมีไอเดียใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาและสร้างความหวังใหม่ๆให้กับทีม – BY KUBET
2.) มิไคโล มูดริก อาจเฉิดฉายกว่าเดิม
มิไคโล มูดริก ปีกของเชลซี อดีตหนึ่งในนักเตะที่เคยร่วมงานกับเด แซร์บี้ สมัยที่อยู่ ชักตาร์ โดเน็ตส์ก เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นด้วยวัย 23 ปี และได้ลงเล่น 19 นัด ทำไปได้ 2 ประตูและอีก 9 แอสซิสต์ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะลงไปเล่นได้ไม่เยอะ แต่เด แซร์บี้ กับประทับใจในตัวเขาเอามากๆซึ่งได้อวยเขาด้วยว่า มูดริก ดีพอที่จะคว้าบัลลงดอร์เลยทีเดียว
“มิไคโล มูดริก มีศักยภาพระดับท็อปในความคิดของผม เขาสามารถได้บัลลงดอร์ได้เช่นกัน เขาเป็นผู้เล่นระดับท็อปแต่เขาก็อ่อนไหวเช่นกัน เขาต้องการความรัก เราจะต้องมาดูกันว่าเขาจะสามารถเติมเต็มศักยภาพของตัวเองได้อีกหรือไม่” โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ได้กล่าวเอาไว้ หลังจากย้ายทีม เขาก็ต้องดิ้นรนเพื่อเชลซีและให้เข้าตา โปเช็ตติโน่ แต่ในท้ายที่สุดอาจจะถึงเวลาของเขาแล้วก็ได้หาก เด แซร์บี้ ย้ายมานั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมให้เชลซี
3.) 2 แข้งที่มีบทบาทสำคัญกับทีม
มอยเซส ไคเซโด้ และ ลีวาย โคลวิลล์ จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จระยะสั้นและระยะยาวของ เด แซร์บี้ ที่เชลซี อย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งคู่เป็นกำลังสำคัญของ ไบรท์ตัน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และหาก เด แซร์บี้ เข้าคุมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ จริงๆ เขาอาจจะต้องพึ่งพาทั้งคู่ที่เข้าใจในปรัชญาของเขา และจากนั้นก็เป็นคีย์แมนในก้าวต่อไปของโปรเจกต์เขาอย่างแน่นอน (หากเขาได้มานั่งในตำแหน่งกุนซือของเชลซี)
4.) ปัญหาเรื่องไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์
การไล่ โปเช็ตติโน่ จะทำให้สโมสรต้องสูญเสียเงินหลายล้าน โดยเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์เซ็นสัญญาเบื้องต้น 2 ปี ซึ่งรวมถึงออฟชั่น ขยายเพิ่มอีกปี เดฟ พาวเวลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟุตบอลระบุว่า โปเช็ตติโน่ อาจได้รับเงินชดเชยประมาณ 15 ล้านปอนด์
นั่นจะทำให้การใช้จ่ายทั้งหมดของ “สิงห์บลูส์” ในการจ้างงานและไล่ออกภายใต้ระบอบการปกครองของ โบห์ลี่/เคลียร์เลค อยู่ที่ประมาณ 60 ล้านปอนด์เลยทีเดียว 60 ล้านปอนด์ นี่ยังไม่นับค่าชดเชยและค่าทีมงานหากมีการเซ็นสัญญากับ เด แซร์บี้ อีกนะครับ เรียกได้ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงๆการเงินของเชลซีจะติดขัดไหมต้องมาดูกัน
จบไปแล้วสำหรับอะไรจะเกิดขึ้นถ้า “โรแบร์โต้ เด แซร์บี้” มาคุมทีมเชลซี เรียกได้ว่าต้องมาลุ้นกันว่าเจ้าตัวจะได้ย้ายมาคุมเชลซีหรือไม่ สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดการแข่งขันฟุตบอลสดก็สามารถเข้ามาดูกันได้ที่ KUBET ได้เลยนะครับ