เรื่องราวของการแข่งขันฟุตบอลที่มีมากกว่าการแข่งขัน เมื่อผลลัพธ์ไม่ได้จบลงแค่ในสนาม การแพ้ชนะก็ถูกนำมาวัดกันต่อด้านนอก จนกลายเป็นเรื่องราวที่นอกเหนือสนามกีฬาที่มีต้นเหตุมาจากการแข่งขันฟุตบอลในปี 1969 ศึกดวลแข้งระหว่างเอลซัลวาดอร์กับฮอนดูรัส เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันกับ KUBET ได้เลย

ปี 1969
ย้อนกลับไปในปี 1969 ในศึกฟุตบอลโลกที่ได้มีการจัดขึ้นในปี 1970 เป็นการจัดการแข่งขันครั้งที่ 9 ที่ประเทศเม็กซิโกระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 21 มิถุนายน 1970 โดยมีประเทศเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ ผู้ชนะในปีนี้คือทีมชาติบราซิลที่สามารถเอาชนะทีมชาติอิตาลีไปได้ด้วยสกอร์ 4 ประตูต่อ 1 ซึ่งนับเป็นการชนะของทีมชาติบราซิลในสมัยที่ 3 และหากจะพูดถึงคู่ที่เป็นประเด็นศึกมากที่สุดในครั้งนี้ นอกจากคู่ของบราซิลแล้วก็คงหนีไม่พ้นคู่ดวลแข้งระหว่างเอลซัลวาดอร์กับฮอนดูรัส

หากมองไปยังจุดเริ่มต้นของทีมชาติทั้งสองประเทศ เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในแทบอเมริกากลาง ที่เรียกว่ามีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกา ในขณะที่ประเทศฮอนดูรัส ก็มีที่ตั้งของประเทศติดกันกับเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นลาตินอเมริกากลางเช่นกันและเป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าเอลซัลวาดอร์กว่า 5 เท่า สำหรับในปีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ถูกเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “สงครามฟุตบอล” แม้ว่าฮอนดูรัสจะมีพื้นที่ของประเทศใหญ่กว่าแต่เอลซัลวาดอร์กลับมีประชากรมากกว่าเป็นเท่าตัว
นั่นทำให้ผู้คนในเอลซัลวาดอร์เริ่มทยอยย้ายไปอยู่ในประเทศฮอนดูรัสมากขึ้นเนื่องจากต้องการพื้นที่อยู่อาศัยที่ไม่แออัดจนเกินไปจนทำให้ประชากรกว่า 20 % ของฮอนดูรัสคือชาวเอลซัลวาดอร์ และเนื่องจากประชากรที่มากขึ้นรวมทั้งชาวเอลซัลวาดอร์ที่เข้ามาในประเทศ ก็เริ่มทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างการใช้ที่ดินสาธารณะในการประกอบอาชีพ เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีฮอนดูรัสออกกฎหมายยึดพื้นที่ในครอบครองอย่างผิดกฎหมายของพวกอพยพทั้งหมดกลับคืนมาพร้อมกับยกให้กับคนในประเทศของตนได้สร้างอาชีพต่อไปและนี่ก็คือชนวนที่รอวันปะทุ

ความเกลียดชังเกิดขึ้นทันที พวกเอลซัลวาดอร์ที่ได้อพยพเข้ามาเริ่มแสดงความไม่พอใจและก่อการวิวาทขึ้นโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แต่เนื่องจากพวกเขาเองก็เข้ามาในประเทศฮอนดูรัสแบบผิดกฎหมายเช่นกันนั่นทำให้ฝ่ายฮอนดูรัสไม่ได้สนใจเหตุการณ์การประท้วงดังกล่าว เรื่องราวจึงลุกลามขึ้นเรื่อยๆ กินเวลามาจนถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1970
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการลูกหนังได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ศึกนองเลือดในสนามบอลโลก

เรื่องราวในศึกรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายเพื่อไปชิงชัยในศึกฟุตบอลโลกปี 1970 ที่เม็กซิโก ซึ่งเป็นการชิงแชมป์ในทวีปเพื่อรับตั๋วไปทั่วบอลโลกเพียง 1 เดียวและประเทศเอลซัลวาดอร์ก็เจอกับประเทศฮอนดูรัส โดยการแข่งขันในแมตซ์แรก ฮอนดูรัส ขึ้นนำไปด้วยสกอร์ 1 – 0 ทว่าเอลซัลวาดอร์กลับทักท้วงขึ้นว่าตนโดนโกง เนื่องจากในวันพักตัวของนักเตะประชาชนชาวฮอนดูรัสก็ไปสร้างความก่อกวนข้างโรงแรมของพวกเขาจนนักเตะไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ ทำให้การเล่นไม่มีประสิทธิภาพ

ซึ่งผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การแพ้ชนะเท่านั้น ประชาชนชาวเอลซัลวาดอร์บางคนที่รับไม่ได้กับผลการตัดสินถึงขั้นจบชีวิตตัวเองลงไปหลังผลเป็นเอกฉันท์ซึ่งคนตายก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ที่แสดงออกถึงการรักชาติได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับแมตซ์ที่สองที่ฮอนดูรัสต้องมาเตะที่เอลซัลวาดอร์ นั่นทำให้นักเตะฮอนดูรัสเองก็ถูกก่อกวนเช่นกัน ก่อนจะพ่ายให้กับเอลซัลวาดอร์ด้วยสกอร์3 ประตูต่อ 0 ซึ่งศึกการดวลแข้งที่ไม่ได้มีการดวลแข้งแค่ในสนาม ข้างสนามเหล่าแฟนบอลก็เข้าดวลแข้งกันเช่นกัน นั่นทำให้แฟนบอลฮอนดูรัสไม่สามารถเข้าประเทศมาเพื่อเชียร์ทีมของประเทศด้วยเองได้เลย

เหตุการณ์ดังกล่าวก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวฮอนดูรัสเช่นกันก่อนจะบุกข้ามประเทศมาเผาร้านค้า ทำลายข้าวของตามถนนหนทางของชาวเอลซัลวาดอร์อย่างไม่มีใครยอมใครเหตุการณ์ที่เลวร้ายลงรวมไปถึงการฆาตกรรม และการก่อการร้ายต่างๆนานาเกินการควบคุมของรัฐบาล

(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
เรื่องราวดำเนินมาถึงแมตซ์ที่ 3 ที่เป็นแมตซ์ตัดสินกันระหว่างสองประเทศซึ่งเอลซัลวาดอร์สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 2 ได้สิทธิ์เข้ารอบบอลโลกไป ผลลัพธ์ที่ไม่ได้จบเพียงแค่นั้นหลังเสร็จศึกทีมที่ได้รับความพ่ายแพ้อย่างฮอนดูรัสจึงได้ระบายความโกรธกับชาวเอลซัลวาดอร์ที่เหลืออยู่ในประเทศของพวกเขา นำมาซึ่งการประกาศตัดความสัมพันธ์กันของประเทศเอลซัลวาดอร์และประเทศฮอนดูรัส ที่ออกมาประกาศให้โลกรู้วันนั้นเลยก่อนจะเปิดฉากโจมตีผ่านกองกำลังทหารทันที
สงครามร้อยชั่วโมง

และนี่ก็คือการประกาศสงครามฟุตบอลหรือที่เรียกว่า “สงครามร้อยชั่วโมง” ซึ่งชาวเอลซัลวาดอร์เรียกสงครามนี้ว่าสงครามป้องกันตัว นับว่าเป็นสงครามที่สั้นที่สุด เอลซัลวาดอร์บุกเข้ามาอย่างอุกอาจในตอนแรกซึ่งฮอนดูรัสที่มีกองกำลังทหารน้อยกว่าก็ไม่สามารถช่วยได้จึงขอความช่วยเหลือจากองค์การนานารัฐอเมริกา ซึ่งได้เข้ามาเจรจาให้ เอลซัลวาดอร์ หยุดจากโจมตี แม้จะมีการปฏิเสธอยู่หลายครั้งแต่เมื่อองค์การนานารัฐอเมริกาได้ยื่นคำขาดจะคว่ำบาตรหากไม่ทำตามข้อตกลงยุติสงคราม เอลซัลวาดอร์ จึงยอมวางมือไป

แม้ว่าจะเป็นสงครามที่สั้นที่สุดแต่ก็สร้างความเสียหายนับไม่ถ้วนมีผู้เสียชีวิตในสงครามราว 6 พันคน และบาดเจ็บมากกว่า 1 หมื่น 5 พันคน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของทั้งสองประเทศแถมยังสร้างสถิติอะไรไม่ได้เลยในศึกฟุตบอลโลกคราวนี้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของสงครามที่เกิดขึ้นในสนามฟุตบอล ที่ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่วัน ระยะมากน้อยเพียงใด ขึ้นชื่อว่าสงคราม ก็นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งสิ้น
สามารถติดตามข่าวสารเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลข่าวสารของวงการลูกหนังจากทั่วทุกมุมโลก ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย