เรื่องราวของอดีตกัปตันทีมลิเวอร์พูล กับยุครุ่งเรืองของ “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” ในสมัยที่ยังคงค้าแข้งให้กับลิเวอร์พูลและเข้ารับตำแหน่งกัปตันทีม กับมรดกที่เขาสร้างไว้ให้กับนักเตะรุ่นหลังจะมีเรื่องราวที่น่าประทับใจใดบ้าง ไปรับชมกันได้เลย รวมถึงช่องทางการรับชมฟุตบอลสด ก็สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ KUBET เช่นกัน
“จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” อดีตกัปตันทีมลิเวอร์พูล
“จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับสโมสร Eredivisie อย่าง Ajax และทีมชาติอังกฤษ เขามีชื่อเสียงในด้านความเป็นผู้นำ ความเก่งกาจ และสภาพร่างกาย เฮนเดอร์สัน เข้าร่วม Sunderland Academy เมื่ออายุ 8 ขวบ และประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน 2008 ในปี 2011 เฮนเดอร์สันเซ็นสัญญากับลิเวอร์พูล และคว้าแชมป์ลีกคัพเป็นครั้งแรกกับสโมสร
จุดเริ่มต้นของ “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” กับลิเวอร์พูล
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2011 เฮนเดอร์สันย้ายไปลิเวอร์พูล โดยมีค่าธรรมเนียมอยู่ระหว่าง 16 ถึง 20 ล้านปอนด์ เขาเปิดตัวในนัดแรกของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 โดยเสมอ 1–1 กับสโมสรเก่าของเขาอย่าง Sunderland เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2011 เฮนเดอร์สันยิงประตูแรกให้ลิเวอร์พูลในเกมพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ พบกับ Bolton Wanderers วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2012 เฮนเดอร์สันลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองกลางด้านขวาในนัดชิงชนะเลิศลีกคัพ 2012 ของลิเวอร์พูลเหนือคาร์ดิฟฟ์ซิตี้ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58
ในวันที่ 5 พฤษภาคม เขาลงเล่นเต็ม 90 นาทีในเกมที่ลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ต่อเชลซี 2–1 ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพปี 2012 เฮนเดอร์สันจบฤดูกาล 2011-12 ด้วย 2 ประตูจากการลงเล่น 48 นัด ในเดือนสิงหาคม 2012 เฮนเดอร์สันได้รับการติดต่อจากฟูลัม
ในตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รับข้อเสนอนี้ พร้อมเดินหน้าลงเล่นให้ลิเวอร์พูลต่อ เขายิงประตูแรกในยุโรปให้ลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2012 โดยเป็นผู้ทำประตูชัยเหนือ Udinese ยูฟ่ายูโรปาลีก ซึ่งเป็นเหตุให้หงส์แดงผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย
(สามารถรับชมฟุตบอลสด ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการฟุตบอลจากทั่วโลกได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ในปี 2013-14 เขาขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมโดยลงเล่นไป 40 นัดและยิงได้ 5 ประตู เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2013 เขาลงเล่นให้สโมสรครบ 100 นัดในเกมที่ลิเวอร์พูลชนะ Sunderland 1–3 เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2014 เขาได้รับใบแดงครั้งแรกในอาชีพการงานของเขา จากการปะทะกันกับ Samir Nasriในเกมที่ทีมชนะแมนเชสเตอร์ซิตี 3–2 ส่งผลให้ถูกแบนสามนัดซึ่งหมายความว่าเขาจะพลาดสามนัดจากสี่นัดหลังสุดของลิเวอร์พูล
หลังจากลิเวอร์พูลไม่มีเฮนเดอร์สัน ลิเวอร์พูลแพ้ 0–2 ในเกมเหย้ากับเชลซี และเสมอกับคริสตัล พาเลซ 3–3 การล้มเหลวในการชนะเกมเหล่านั้น ทำให้ลิเวอร์พูลถูกแมนเชสเตอร์ซิตี แซงขึ้นเป็นที่หนึ่งแล้ว
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2014 ซึ่งเป็นวันแข่งขันนัดสุดท้ายของการแข่งขัน เฮนเดอร์สันกลับมาลงเล่นอีกครั้งในเกมเหย้าของลิเวอร์พูลที่ชนะนิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2–1 และจบอันดับสองในขณะที่แมนเชสเตอร์ซิตีคว้าแชมป์ลีกในปีนั้น
ในปี 2014-15 เฮนเดอร์สันเปิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ เขาทำได้ 2 แอสซิสต์ในสามนัดแรกของลิเวอร์พูล และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองกัปตันทีมหลังจากการจากไปของ Daniel Agger วันที่ 29 พฤศจิกายน เฮนเดอร์สันลงเล่นเป็นกัปตันทีมเป็นครั้งแรกให้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกที่พบกับ Stoke City เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เฮนเดอร์สันลงเล่นให้สโมสรครบ 150 นัดโดยทำประตูที่สามในเกมที่ชนะเลสเตอร์ซิตี้ 3–1 เฮนเดอร์สันลงเป็นตัวจริงให้กับลิเวอร์พูลหลายนัดในฐานะกัปตันทีม ขณะที่ Gerrardได้รับบาดเจ็บหรือพักอยู่บนม้านั่งสำรอง
เมื่อวันที่ 23 เมษายน เฮนเดอร์สันเซ็นสัญญาขยายระยะเวลา 5 ปีกับลิเวอร์พูล มูลค่า 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ในปี 2015-2021 ในฐานะกัปตันทีม หลังจากการจากไปของ Gerrard ในเดือนมิถุนายน 2015 เฮนเดอร์สันได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล
แต่ถึงอย่างนั้น ปัญหาอาการบาดเจ็บของเขาก็ยังคงตามติด เนื่องจากเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า เพราะกระดูกที่เท้าขวาหัก มีรายงานว่าปัญหาส้นเท้าของเฮนเดอร์สันเกิดจากภาวะฝ่าเท้าอักเสบที่รักษาไม่หาย อาการบาดเจ็บหมายความว่าเขาพลาดการมาถึงของผู้จัดการทีม อย่าง Jürgen Klopp
(สามารถรับชมฟุตบอลสด ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการฟุตบอลจากทั่วโลกได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
อย่างไรก็ดี เขาสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลทีมชุดใหญ่อีกครั้งในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2015 พบกับ Swansea City เขาทำประตูในการออกสตาร์ทครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ พอทีมเสมอได้สำเร็จ แต่ทว่าในช่วงเดือนธันวาคม อาการบาดเจ็บก็กำเริบอีกครั้งทำให้เขาต้องพักทั้งฤดูกาลนั้น เฮนเดอร์สันจบฤดูกาล 2015–16 ด้วยการลงเล่น 26 นัด และ 2 ประตู
เฮนเดอร์สันเริ่มต้นฤดูกาล 2016–17 ด้วยการลงเล่นเป็นประจำในช่วง 11 ตัวจริง และในวันที่ 16 กันยายนทำประตูได้ระยะ 25 หลาในเกมชนะเชลซี 2–1 ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ ประตูดังกล่าวทำให้เขาได้รับรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายนของพรีเมียร์ลีก เฮนเดอร์สันจบฤดูกาลด้วยการลงเล่น 27 นัด ยิงได้ 1 ประตู เขาใช้เวลาในฤดูกาล 2017–18 ในฐานะทีมชุดใหญ่ และเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2017 เฮนเดอร์สันเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลเป็นครั้งแรกในแชมเปียนส์ลีก พบกับทีมเยอรมัน 1899 Hoffenheim
เขาจะเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยจบลงด้วยการเป็นฝ่ายแพ้หลังจากที่ลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ต่อเรอัลมาดริด 3–1 เขาจบฤดูกาล 2017–18 ด้วยการลงเล่น 41 นัดในทุกรายการ
ยิงได้ 1 ประตู เขาได้ต่อสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูลอีก 5 ปี หลังจากนำสโมสรเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ
และนี่ก็คือช่วงเวลาทั้งหมดของ “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” ที่ค้าแข้งอยู่กับลิเวอร์พูล ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการฟุตบอลจากทั่วโลก ทั้งโปรแกรมการแข่งขัน การวิเคราะห์ผลบอลก่อนแข่ง รวมถึงช่องทางการรับชมฟุตบอลสด ติดตามทั้งหมดได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่ให้ข่าวบอล ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย