สถานการณ์เสือใต้บาเยิร์นมิวนิคในตอนนี้ ดูเหมือนค่อนข้างจะหนักหน่วงและสาหัสเอาเรื่อง เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์และอนาคตของโธมัส ทูเคิ่ล ที่ดูสั่นคลอน วันนี้พวกเราKUBETจะพาไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
จากทีมที่เป็นแชมป์บุนเดสลีกา 11 ปีติดต่อกัน ทำไมช่วงนี้ทุกอย่างดูเละเทะไปหมด แพ้เลเวอร์คูเซ่นแบบสู้ไม่ได้ 0-3 แพ้ลาซิโอ้ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 0-1 ล่าสุดในเกมบุนเดสลีกา แพ้ให้กับโบคุ่ม 2-3 แพ้ 3 นัดรวดติดต่อกัน เรียกได้ว่าโดนวิจารณ์สนั่นกับเสือใต้บาเยิร์นมิวนิค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลังบ้านที่มีปัญหากันอยู่ เพราะความสัมพันธ์ของทูเคิล บรอดบริหารและนักเตะชั้นนำของบาเยิร์น รวมถึงอนาคตของกุนซืออย่างโธมัส ทูเคิ่ล คนนี้ด้วย ไปติดตามดูกันครับ
โครงสร้างของสโมสร
นับตั้งแต่ยุคทศวรรษ 70 เป็นต้นมา ที่มีนักเตะระดับตำนานอย่างฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์, แกร์ท มุลเลอร์, เซ็ปป์ ไมเออร์ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บาเยิร์นคว้าแชมป์ยุโรป 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งนั่นมันคือความสำเร็จที่ต่อยอดกันมา รวมถึงความยิ่งใหญ่ มาตรฐาน ลงสนามด้วยความเป็นที่หนึ่งทั้งในเยอรมนีและยุโรป
ตลอด56ปีที่ผ่านมา ในศึกบุนเดสลีกาบาเยิร์นคว้าแชมป์ได้ถึง 31 ครั้ง เป็นข้อพิสูจน์และบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขายิ่งใหญ่ขนาดไหน และที่สำคัญพวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน แข็งแรง เป็นหนึ่งเดียว เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือการได้เป็นแชมป์
KUBET เรื่องหลักของทีมบาเยิร์นนอกจากนักเตะแล้ว คงหนีไม่พ้นผู้จัดการทีม เราไปดูกันครับว่าทีมนี้เขามีโครงสร้างด้านนี้กันอย่างไรบ้าง
กุนซือ
บาเยิร์นเป็นสโมสรที่มองกุนซือว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใครและเก่งมาจากไหนก็ตาม ถ้าเป้าหมายไม่เป็นไปอย่างที่วางไว้ มักจะเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน หากเทียบกับสโมสรอื่นเมื่อผิดพลาดอาจจะได้รับโอกาสหรือมีเวลาให้แก้ไขกับสิ่งที่พลาดไป แต่ที่บาเยิร์นไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ปัญหาที่มีได้รับการแก้ไขจากกุนซือคนเดิม
ประวัติศาสตร์ของสโมสรบาเยิร์น โค้ชที่คุมทีมได้ยาวนานที่สุดคือ Ottmar Hitzfeld โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมดในการคุมทีมเพียง 5 ปีกว่าเท่านั้น ตั้งแต่ปี 1998 – 2004 และออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ก็ได้กลับมาคุมทีมอีกครั้งในปี 2007-2008 นอกจากนี้ยังมีโค้ชอีกแค่ 6 คนเท่านั้นที่สามารถคุมทีมได้ถึง 3 ปี นอกนั้นเป็นโค้ชที่เข้ามาแล้วจากไปในระยะเวลาสั้นๆ
บาเยิร์นมีมาตรฐานสูงมากและเต็มไปด้วยความกดดันโดยเฉพาะโค้ช ในหลายๆครั้งมักจะเกิดสถานการณ์ที่แฟนบอลหรือสื่ออยากจะตั้งคำถามให้กับบาเยิร์นอยู่บ่อยครั้งว่าทำไมถึงมีการปลดโค้ชแบบไม่มีปีมีขลุ่ย อย่างเช่นในเคสของกุนซือที่ชื่อว่า อูโด ลัทเทค
Udo Lattek
อูโด ลัทเทคคือปรมาจารย์กุนซือชาวเยอรมัน เขาเคยคุมทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัยติดต่อกัน ก็คือปี1985 1986 และ1987 แต่การแพ้ต่อปอร์โต้ ในถ้วยยูโรเปียนส์คัพ กลายเป็นแผลใหญ่สำหรับเขามาก ทำให้ลัทเทคกระเด็นตกจากเก้าอี้ โดยที่ความสำเร็จมากมายก่อนหน้านั้นไม่เป็นเครื่องป้องกันใดๆเลย
เหตุผลที่มีการเปิดเผยในภายหลังก็คือบาเยิร์นในตอนนั้นมีซูเปอร์สตาร์ในทีมมากมายและไม่สมควรแพ้ทีมรองบอลอย่างปอร์โต้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทำให้อูโด ลัทเทคโดนปลดทันที ไม่มีการพิจารณาในความดีความชอบที่ผ่านมา ไม่มีการพูดถึงในรูปเกมต่างๆที่ผ่านมา บาเยิร์นมองเพียงแค่หากผิดจากเป้าหมายที่วางเอาไว้ โค้ชทุกคนก็จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
คำนิยามต่อบาเยิร์น
การทำงานแบบเข้มข้นตามวัฒนธรรมองค์กรของบาเยิร์นก็คือต้องหาโค้ชที่ดีที่สุด วัดผลแบบปีต่อปี ความสำเร็จทุกอย่างต้องเป็นปัจจุบันเท่านั้น และต้องมองการบริหารทีมแบบภาพรวม หากพลาดหรือทำไม่ได้ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือเก่งมาจากไหน รับรองว่ามีโอกาสโดนปลดทุกราย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะเริ่มเห็นภาพของการบริหารทีมของบาเยิร์นชัดขึ้นบ้างไหม พาร์ทต่อไปเราจะมารู้จักบาเยิร์นในด้านของการบริหารจัดการนักฟุตบอล รวมถึงเรื่องของโค้ชคนปัจจุบันโธมัส ทูเคิ่ล ว่าจะไปในทิศทางไหน ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ
KUBET – เว็บไซต์ให้คำปรึกษาข่าวฟุตบอล ข้อมูลฟุตบอลอัปเดตแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณเรียนรู้เกมฟุตบอลล่าสุดและครอบคลุมที่สุด คะแนนฟุตบอล ลีกฟุตบอล สโมสรฟุตบอล และข้อมูลฟุตบอลโลก รวมถึงข้อมูลอื่นๆที่คุณอยากรู้ เช่นประวัติความเป็นมาของสโมสร หรือที่มาที่ไปของโลโก้แต่ละสโมสร โดยไม่ต้องออกจากบ้าน