KUBET จะพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปในปี 1950 ในศึกการแข่งขันฟุตบอลโลกของบราซิล จุดเริ่มต้นตำนานอาถรรพ์สีเสื้อที่ไม่มีวันลืมพร้อมความพ่ายแพ้ที่ตราตรึงอยู่ในใจแฟนบอลชาวบราซิลมาจนถึงปัจจุบันกับเหตุการณ์ Maracanazo และอาภรณ์ต้องสาป เรื่องราวจะเป็นยังไงไปรับชมกันได้เลย
ทีมชาติบราซิล
หากพูดถึงเรื่องเครื่องแต่งกายของนักฟุตบอล แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในเกมการแข่งขันอย่างแน่นอน เสื้อผ้าที่บ่งบอกได้ทั้งที่มา และความหมายมากมาย รวมถึงสีของมันเองก็ล้วนแสดงถึงสัญลักษณ์บางอย่าง เช่นเดียวกับสีเสื้อของทีมชาติบราซิล เดิมทีชุดทีมชาติที่ใช้อยู่แต่แรกเป็น “สีขาวขลิบฟ้า” เป็นสีเริ่มต้นที่ใช้ในการแข่งขัน ก่อนจะได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น “สีเหลืองขลิบเขียว” อย่างที่ทุกคนเห็นในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ “อาภรณ์ต้องสาป” นั่นเอง
ในปี 1914 บราซิลประเดิมชุดนักฟุตบอลครั้งแรกด้วยสีขาวล้วน กับการดวลศึกกับอาร์เจนตินา ทว่ากลับพ่ายแพ้ในศึกครั้งนั้นสะยับเยิน 3 ประตู ต่อ 0 ก่อนจะเริ่มปรับเปลี่ยนรายละเอียดของเครื่องแต่งกายอย่างการเพิ่มแถบสีฟ้า และ ขลิบเหลืองเข้าไป รวมถึงการสวมถุงเท้าสีดำ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้บราซิลคว้าแชมป์ เซาท์ อเมริกัน แชมป์เปี้ยนชิพ ได้ถึง 2 สมัย
จุดเริ่มต้นของอาถรรพ์
บราซิลได้เริ่มลงสนามศึกอีกครั้งในแดนของละตินอเมริกา สำหรับทีมเต็งทวีปตอนนั้น ก็มีทั้งบราซิล อาร์เจนติน่า และอรุกวัย แน่นอนว่าบราซิลตกรอบแรกแบบแฟนบอลพักเสื่อเก็บแทบไม่ทัน เพราะไม่คาดคิดว่าพี่แกจะช็อตฟิลได้ขนาดนี้ ในปี 1934 สำหรับศึกฟุตบอลโลกบราซิลประเดิมสนามด้วยการแพ้สเปนไปอีก 3 ประตูต่อ 1 ตกรอบแรกซ้ำสอง ความขายขี้หน้าในฐานะตัวแทนละตินอเมริกาประเทศเดียว ก็ถูกจดบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์เรียบร้อย
(ติดตามข้อมูลข่าวสารของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ในปี 1937 เวียนกลับมาเทศกาลบอลโลกในรอบ 4 ปีอีกครั้งที่บราซิลสามารถกู้หน้าขึ้นมาได้บ้างพร้อมพาตัวเองสร้างผลงานเข้ารอบชิงชนะเลิศที่ได้เจอกับอาร์เจนติน่าได้สำเร็จ ทว่าก็พ่ายแพ้ให้กับอาร์เจนติน่าอีกครั้ง แน่นอนว่าการแพ้แล้วแพ้อีกของพี่แกทั้งที่นักเตะก็มีความสามารถ เกิดข้อสงสัยอย่างหนึ่งของแฟนบอลที่ไม่รู้จะโทษสิ่งใดแล้วนอกจาก “เสื้อ” ที่พวกเขาใส่ ความพ่ายแพ้ซ้ำซากที่เกิดขึ้นจนทำให้ เกทูลิโอ วาร์กาส (Getúlio Vargas) ผู้นำจอมเผด็จการแห่งบราซิล เข้ามาปรับโฉมทีมชาติบราซิลครั้งยิ่งใหญ่
ในปี 1938 การเปลี่ยนแปลงเป็นผล บราซิลจบศึกฟุตบอลโลกในปีนี้ด้วยอันดับที่ 3 ด้วยการยิงอัดตัวท็อปยุโรปสะราบคาบอย่าง โปแลนด์ เช็กโกสโลวาเกีย และสวีเดน พี่แกอัดยับด้วยสกอร์ทิ้งห่างแบบสูงลิบ ก่อนฟุตบอลโลกจะทิ้งช่วงไปหลังจากนั้นเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2
การกลับมาอย่างอัปยศอีกครั้งของขาวขลิบฟ้า
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำการเมืองได้เข้ามายกเค้าใหม่หมดทุกอย่างทั้งสนาม เงินอัดฉีด การเปลี่ยนตัวนักเตะ โค้ช ทำทุกอย่างยกเว้นเปลี่ยนสีเสื้อ ในปี 1949 บราซิลได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพครั้งแรกหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 แน่นอนว่านี่เป็นความคาดหวังครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชน เนื่องจากการแข่งขันที่ไม่ได้จัดมานานและความอัดอั้นตันใจจากศึกบอลโลกครั้งล่าสุดของบราซิล พวกเขายังให้โอกาสครั้งใหม่นี่อีกครั้ง ซึ่งพวกเขาไม่ได้ทำให้แฟนๆต้องผิดหวังอย่างแน่นอนในรอบเพลย์ออฟ พี่บราซิลแกอัดปารากวัยชนิดแบบไม่มีที่ยืนในสนามกันเลยด้วยสกอร์ 7 ประตู ต่อ 0 ตบด้วยสถิติยิงประตูรวมในทัวร์นาเมนต์ทั้งหมด 39 ประตู
ซึ่งดูเหมือนว่าการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่นั่นจะทำให้ความเชื่อเรื่องเสื้อจางหายไปด้วย จนกระทั่งในปี 1950 บราซิลได้สิทธิ์จัดการแข่งขันบอลโลกอีกครั้ง การแข่งขันถูกจัดขึ้นที่ละตินอเมริกาในรอบ 20 ปี สนามแห่งความอับอายในอดีต ทว่านั่นก็ไม่ได้ลบล้างความเชื่อมั่นในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกให้บราซิลแต่อย่างใด
เสียงเพลงเชียร์สไตล์แซมบ้าที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะโดยเฉพาะ การเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นแชมป์ ทั้งการป่าวประกาศ ออกหน้าสื่อเกี่ยวกับว่าที่แชมป์โลกคนใหม่ แฟนบอลที่เตรียมการเฉลิมฉลองแบบพี่แกมาแน่ปีนี้ แน่นอนว่าตลอดฤดูกาลที่บราซิลโชว์ผลงานไร้พ่ายแบบนอนมาตลอดฤดูกาลจนกระทั่งในศึกตัดสินแชมป์ที่ต้องเจอกับอุรุกวัย ทีมรองบ่อนที่แทบจะตกชั้นอยู่แล้ว แมตซ์ที่ทั้งโลกกำลังจับตามอง และเชื่อมั่นแล้วว่า บราซิลจะคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน
(ติดตามข้อมูลข่าวสารของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเรียกว่า “Maracanazo” หรือหมายถึงความอัปยศแห่งมาราคานา มาจากที่มาของผลลัพธ์ที่พลิกโผกันแบบเก็บเศษหน้าแหกแทบไม่ทันหลังจากที่อุรุกวัยยิงยัดทีมยักษ์ใหม่อย่างบราซิลไป 2 ประตูขึ้นนำ พร้อมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนั้นไปครองแบบยื้อกันไม่ทันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้อาภรณ์ต้องสาปกลับมาอีกรอบ
หลายฝ่ายเข้าประชุมเพื่อวิเคราะห์ ทบทวนและค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความพ่ายแพ้แบบไม่มีหยุดของบราซิลว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ ก่อนทุกคนจะลงความเห็นตรงกันว่า “เปลี่ยนสีเสื้อ”
การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
การเปลี่ยนแปลงสีเสื้อที่มีการเชื่อมโยงโดยตรงกับสีของธงชาติเพื่อสะท้อนความเป็นชาวบราซิลอย่างแท้จริง ซึ่งดูเหมือนว่าความพยายามครั้งนี้จะเป็นผลอย่างที่สุด หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงสีเสื้อด้วยการนำสีของธงชาติเข้ามาเป็นส่วนสำคัญและจุดเด่น บราซิลก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งกำเนิดนักเตะในตำนานอย่างเปเล่ขึ้น พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังให้ได้จดจำความยิ่งใหญ่ของพวกเขาตลอดไป
และนี่ก็คือที่มาของเหตุการณ์ “Maracanazo” หรืออาภรณ์ต้องสาปที่ทีมชาติบราซิลเคยประสบพบเจอครั้งหนึ่งในอดีตก่อนมันจะเปลี่ยนแปลงพวกเขาไปตลอดกาล ดูเหมือนว่า ความเชื่อจะนำมาซึ่งความมั่นใจที่จะทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน สามารถติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลข่าวสารของวงการฟุตบอลจากทั่วทุกมุมโลก ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของเมืองไทย