KUBET นำเสนออีกมุมมองของเรื่องราวในจักรวาลฟุตบอลที่มีมากกว่าการแข่งขัน เกมกีฬาที่สร้างมิตรภาพและสันติแม้ในช่วงเกิดสงคราม ชัยชนะของทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ ที่สามารถหยุดความเลวร้ายที่นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ให้จบลง ในเหตุการณ์ “ฟุตบอลหยุดสงคราม” ชัยชนะที่สร้างความอัศจรรย์ไปทั่วโลกการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่เขียนหน้าประวัติศาสตร์ของชัยชนะขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์ที่มากกว่าการแพ้ หรือ ชนะ เรื่องราวจะเป็นยังไง ย้อนรอยประวัติศาสตร์ไปกับเคยูเบทได้เลย
ทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ ปี 2006
ทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ หรือ ประเทศโกตดิวัวร์ เป็นประเทศในทวีปแอฟริกาที่ตั้งอยู่บริเวณแอฟริกาตะวันตกติดกับกินนีและประเทศไลบีเรีย เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 ตุลาคม ปี 2005 ทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ได้รับตั๋วไปทัวร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของการได้รับเกียรติอันสูงสุด กัปตันทีมชาติได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมการแข่งขันวันนั้นว่า
“พี่น้องชาวไอเวอรี่โคสต์ ไม่ว่าจะจากทางเหนือ ใต้ กลาง หรือว่าตะวันตก พวกเราได้แสดงให้เห็นแล้วในวันนี้ ว่าการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้เราผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกในรอบสุดท้าย เราให้สัญญาว่าการเฉลิมฉลองครั้งนี้จะทำให้ผู้คนเป็นหนึ่งเดียวกัน และในวันนี้ เราจึงอยากคุกเข่าขอร้องด้วยคำสามคำ จงให้อภัย..ให้อภัย และให้อภัย” กัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ปี 2006.
การให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อวันนั้นสร้างความสงสัยให้ผู้ชมทั่วโลกว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าวจะพบว่าประเทศไอเวอรี่โคสต์หรือโกตดิวัวร์ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับสงครามกลางเมือง ซึ่งกินเวลาไปมากกว่า 3 ปีแล้วที่สงครามนั่นคร่าชีวิตผู้คนภายในเมืองนับพัน จนกระทั่งถึงวันที่ไอเวอรี่โคสต์ได้ไปฟุตบอลโลก และคำพูดของกัปตันทีมที่ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อ
สงครามที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงและตลอดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่พวกเขาลงสนาม ก็เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อขึ้นจริงๆ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการร้ายในประเทศก็ทำการหยุดสู้รบกัน พร้อมกับหันมาสนใจการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนั้นที่ทีมชาติของพวกเขาได้ลงสนาม นับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่พวกเขากลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้ง ไฟแห่งสันติที่กำลังถูกจุดประกายอีกรอบทว่าความหวังเหล่านั้นก็กลับพลันสลายหายไปในพริบตา เมื่อศึกฟุตบอลโลกจบลง สงครามก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีก และรุนแรงกว่าทุกๆรอบกินเวลาต่อไปอีก 1 ปี
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
คำขอร้อง
ปี 2007 กัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ปี 2006ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออีก เขาไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งพวกนั้นอีกต่อไป และแน่นอนว่าเจ้าตัวรู้ดีว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“สิ่งที่ผมต้องการมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการที่ชาติของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ใช่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแบบนี้ ผมรู้ว่าตอนที่ทีมชาติของเราลงแข่ง ไอเวอรี่โคสต์จะกลายเป็นหนึ่งเดียว ผมอยากให้เราลงแข่งกันอีกรอบในเมืองของกบฏฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล และอยากให้รัฐบาลมาร่วมจัดการแข่งขันด้วย แล้วให้กลุ่มกบฏรักษาความปลอดภัยให้นักฟุตบอล ส่วนรัฐบาลให้ดูแลความสงบทั่วสนาม” กัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ปี 2006.
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อทุกคนฟัง และยอมทำตามคำขอร้องของเขาทั้งสองฝ่ายเข้ามาดูฟุตบอลในสนามด้วยกัน ผู้นำของทั้งสองฝ่ายจับมือกัน และอาวุธที่พวกเขาใช้ฆ่าฟันกันตอนแรก ก็ถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยให้กับนักฟุตบอล เสียงเพลงประจำชาติดังก้องไปทั่วสนามทำให้เหล่าแฟนบอลเปล่งเสียงร้องเป็นทำนองเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง นาทีนั่นไม่มีฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายกบฏอีกต่อไปแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นั่นคือชาวไอเวอรี่โคสต์เท่านั้น จบเกมที่ไอเวอรี่โคสต์ชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 0
การฉลองชัยด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่กลางสนามฟุตบอล ทว่ามันไม่ใช่กองไฟแห่งความเกลียดชัง แต่มันเป็นไฟที่กำลังเผาทำลายอาวุธที่พวกเขาใช้ต่อสู้กันทั้งหมด ก่อนประธานาธิบดีจะประกาศให้ชาวไอเวอรี่โคสต์และชาวโลกได้รับรู้ว่า สงคราม ได้สิ้นสุดลงแล้ว และชื่อของกัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ปี 2006 ที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในฐานะฟุตบอลอีกต่อไป แต่เขาคือ “ดิดิเยร์ ดร็อกบา” วีรบุรุษผู้หยุดสงครามไอเวอรี่โคสต์
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของจักรวาลฟุตบอลที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าเกมกีฬา ผลของการแข่งขันและช่วงเวลาในการแข่งขันที่สร้างความยิ่งใหญ่ได้มากมาย สำหรับเรื่องราวของ “ดิดิเยร์ ดร็อกบา” สามารถติดตามต่อได้ที่เว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลข่าวสารวงการฟุตบอลอันดับ 1 ของประเทศไทย