ใครที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวของถ้วยจูลส์ ริเมต์ ถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกถ้วยแรกของประวัติศาสตร์ก่อนที่จะหายสาบสูญไปตลอดกาลใครคือคนที่ขโมยไปและหายได้ยังไง KUBET จะพามาหาข้อสงสัยนี่กันเลย
ย้อนอดีตตามหาความหมายของถ้วยจูลส์ ริเมต์
ฟุตบอลโลกถือเป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่อีกรายการหนึ่งเลยก็ว่าได้ เป็นการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นสี่ปีครั้ง เป็นการรวมตัวของทีมชาติต่างๆ เพื่อมาแข่งขันกันซึ่งการแข่งขันฟุตบอลโลกมีกฎที่ไม่เหมือนกับการแข่งขันอื่นๆเช่น นักเตะของทีมชาติทุกคนต้องมีสัญชาติเป็นประชากรของประเทศนั้นจริงๆ
ที่ต่างจากการแข่งขันฟุตบอลลีก ที่สามารถซื้อขายนักบอลแบบไม่ต้องสนใจสัญชาติได้และนั้นก็เป็นเสน่ห์ของฟุตบอลโลกเสมอมา ซึ่งถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกก็มีความหมายมากๆสำหรับประเทศที่ชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก ในรอบ 4 ปี
โดยประวัติอันยาวนานของ “ถ้วยจูลส์ ริเมต์” นั้นได้ตั้งชื่อตามประธานฟีฟ่าคนแรกที่ได้ผลักดันให้เกิดการแข่งขันนี้เกิดขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วถ้วยแชมป์นี้แต่เดิมไม่ได้ชื่อ ถ้วยจูลส์ ริเมต์ หรอกเขาพึ่งจะมาเปลี่ยนที่หลัง ชื่อเดิมของถ้วยนี้คือ “วิกตอรี” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีลักษณะเด่นด้วยเทพีแห่งชัยชนะ “เทพีไนกี้” ที่มีน้ำหนัก 3.8 กิโลกรัม และ ส่วนสูงทั้งหมดของถ้วยคือ 35 เซนติเมตร
ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ถูกสร้างขึ้น และได้ใช้งานจริงๆในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930-1970 โดยบริเวณมุมทั้ง 4 ด้านของถ้วยได้สลักชื่อทีมชาติที่ชนะในการแข่งขันได้มีทั้งหมด 9 ประเทศด้วยกันออกจะหายสาบสูญไปตลอดกาล
ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ที่หายไปแต่ถูกกู้คืนโดยบังเอิญ
ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ได้ถูกพูดถึงในประเด็นใหญ่ อย่างความปลอดภัยในระหว่างสงครามเช่นนี้ โดยประธานฟีฟ่าในตอนนั้น จึงตัดสินใจนำถ้วยจูลส์ ริเมต์ออกมาจากตู้เซฟธนาคารในกรุงโรมอย่างลับๆ แล้วมาเก็บเอาไว้กับตัว ซ่อนเอาไว้ในกล่องรองเท้าที่อยู่ใต้เตียงของเจ้าตัว รอจนกว่าสงครามจะค่อยๆซาไป
หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เงียบไปถ้วยก็ยังคงอยู่รอดปลอดภัย แต่เรื่องมันเกิดหลังจากนั้น โดยได้นำถ้วยจูลส์ ริเมต์ออกไปจัดแสดง ณ.หอกลางเวสต์มินส์เตอร์ (Westminster Hall) ของประเทศอังกฤษ ก่อนหน้าการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี1966 การจัดแสดงถ้วยนั้นเกิดขึ้นก่อนจะมีการจัดแข่งขัน 4 เดือน อยู่ๆก็ได้หายไปแบบไร้ร่องรอย โดยถ้วยนั้นมีมูลค่าถึง 30,000 ปอนด์ (ราว 1.2 ล้านบาทไทย) ในสมัยนั้นถือว่ามูลค่าสูงมาเลยทีเดียว- BY KUBET FOOTBALL
หลังจากที่ถ้วยจูลส์ ริเมต์ หายไปได้ไม่นาน มีจดหมายปริศนาจากชายที่มีชื่อว่า แจ็คสัน ได้ระบุใจความในจดหมายว่า หากอยากได้ถ้วยแชมป์คืน ให้นำเงินจำนวน 15,000 ปอนด์มาแลก สถานที่นัดเจอคือสนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์ สนามแข่งขันของทัพสิงโตน้ำเงินครามหรือเชลซีนั้นเอง
ตำรวจมีหรอจะไม่ไป ไปสิครับ ตำรวจได้ไปถึงสถานที่นัดหมายที่สนามบอลแต่อันนี้เป็นแผนล่อซื้อของตำรวจเขานะ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เงินปลอมมาเป็นตัวแลกเปลี่ยนให้ครั้งนี้ แต่กลับพบว่า แจ็คสัน ไม่มีถ้วยแชมป์เหมือนที่กล่าวเอาไว้ ตำรวจจึงเข้าจับกุมให้สืบสวนค้นหาความจริงต่อ
แต่ได้ข้อสรุปว่า แจ็คสันเป็นเพียงนกต่อเท่านั้นและไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากกับเรื่องนี้ ตำรวจได้สั่งจำคุก 2 ปี ไปจุกๆ และชายที่แจ็ดสันได้อ้างถึงก็เป็นเพียงแค่นามสมมุติเท่านั้นซึ่งไม่สามารถตามตัวได้เรื่องนี้ก็เลยสานต่ออะไรไม่ได้มากนัก แต่หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ทั่วโลกก็วุ่นเลยดิครับทุกคนช่วยกันตามหาถ้วยแชมป์ใบนี้
สุดท้ายคนที่มาเจอคือ David Corbett ซึ่งเขาไม่ได้เจอเป็นคนแรกหรอก เจ้าตูบของเขาตั้งหากที่เจอ Pickles หมาวัย 4 ขวบ เจอวัสดุน่าสงสัยที่ใต้ท้องรถ(รถเพื่อนบ้าน) ในขณะที่เจ้าของออกมารับหนังสือพิมพ์ตอนเเช้าหน้าบ้าน หลังจากที่เจอCorbett ก็ได้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อมอบถ้วยให้
นั้นถือว่าเป็นข่าวดีของอังกฤษก็ว่าได้ที่ได้ ถ้วยจูลส์ ริเมต์กลับมาครอบครองอีกครั้งหลังจากที่หายสาบสูญไป ทีมชาติอังกฤษก็ได้แชมป์ฟุตบอลโลกหลังจากที่หาถ้วยเจอในปี 1966 ทุกคนเฉลิมฉลองกันอย่างดีใจในปีนั้น
แดนแซมบ้ากับการหายไปตลอดกาลถ้วยจูลส์ ริเมต์
เป็นที่รู้จักว่าทีมชาติไหนที่เป็นแชมป์ได้ถึง 3 สมัย จะได้สิทธิ์รับถ้วยจูลส์ ริเมต์ ไปครอบครอง และก็เป็นไปตามคาดว่า “บราซิล” คือทีมชาติที่ได้ไปในปี 1970 จนถึงในปี 1983 ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ก็ถูกจัดแสดง ณ.สมาคมฟุตบอลของบราซิล แต่ประเด็นคือมันหายไปอีกแล้วแบบไร้ร่องรอย โดยไม่มีใครหายต้นตอได้เลย จนถึงปัจจุบันนี้
ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ได้กลายไปเป็นถ้วยในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไปแล้วซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีใครหาเจอส่วนคนที่เอาไปก็คงไม่เอามาขายเพราะถ้วยใบนี้มันดังเกินกว่าจะขายออกได้ และที่สุดท้ายก่อนจะหายไปตลอดกาลของถ้วยจูลส์ ริเมต์หรือแดนแซมบ้า ประเทศ บราซิล ใครที่ชอบข่าวบอลแบบนี้สามารถติดตามต่อได้ที่KUBET