KUBET FOOTBALL กับวงการฟุตบอลรอบโลก ว่าด้วยเรื่องของศิลปะบนเรือนร่างอย่างรอยสักที่มักจะเห็นเป็นเรื่องปกติบนร่างกายของเหล่านักบอล ทั้งระดับนานาชาติและระดับโลก ส่วนใหญ่แล้วก็ล้วนแต่มีรอยสักที่มากความหมายอยู่บนร่างกายกันทั้งนั้น พวกเขามักจะจำจดความทรงจำดีๆ หรือเหตุการณ์ครั้งสำคัญ หรือสิ่งที่มีความหมายต่อจิตใจด้วยการสักมันลงไปบนร่างกายที่จะติดตัวไปจนตาย แล้วทำไม นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่นจึงไม่นิยมสักกันละ?
หลังจากลงสนามเก็บเกี่ยวข้อมูลมาได้สักพัก เคยูเบทก็ได้ค้นพบความจริงที่ว่า นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่นไม่มีใครสักเลยสักคนเดียว ! มันน่าแปลกใจสำหรับวงการอาชีพนักฟุตบอลที่รอยสักเป็นเหมือนไอเทมเท่ๆ ตกแต่งร่างกายให้พวกเขาดุดันขึ้นไปอีกระดับ อย่างไรก็ดี รอยสักไม่ได้เกี่ยวกับความเก่งกาจของนักเตะแต่อย่างใด และความชื่นชอบก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล รวมถึงสำหรับวงการฟุตบอลก็ไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้นักฟุตบอลมีรอยสัก แต่ กับวงการฟุตบอลญี่ปุ่นละ พวกเขามีกฎแบบนี้อยู่หรือไม่ ?
เมื่อนักรบซามูไรไร้รอยสัก
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่นกับรอยสักแล้วนั่น มักจะมาคู่กันเสมอ กับแก๊งยากูซ่า ดินแดนของนักรบซามูไรที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยสัก หากย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของการสักลายที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็พบว่า ในช่วงปีคริสต์ศักราช 300 ชาวญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยรอยสักมีอยู่มากมายในยุคนั้น ทว่ารอยสักเหล่านั้นกลับปรากฏบนแฟชั่นของกลุ่มชนชั้นล่างหรือแม้แต่โสเภณี รวมไปถึงกลุ่มอาชญากร
กระทั่งในยุคเอโดะ การสักกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเนื่องจากอิทธิพลของวรรณกรรมชื่อว่า 108 ผู้กล้าเขาเหลียงซาน ซึ่งภาพวาดในวรรณกรรมเป็นเหล่านักรบที่เต็มไปด้วยรอยสักบนร่างกาย ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับรอยสักมากขึ้นและในปี 1720 ค่านิยมของรอยสักก็ถูกดรอปให้แย่ลงอีกครั้งเมื่อรัฐบาลใช้การสักเป็นการลงโทษผู้กระทำผิดเพื่อระบุตัวตนของนักโทษ
(ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ในช่วงเวลาเดียวกันแก๊งยากูซ่าได้นำรอยสักมาเป็นเครื่องหมายในเชิงสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อเป็นคำมั่นสัญญาของคนในแก๊งหรือบ่งบอกสถานะของตัวเองในสังคม ก่อนญี่ปุ่นจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยเมจิ การสักก็ถูกแบนอย่างเป็นทางการเนื่องจากเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ขัดต่อแนวทางการพัฒนาประเทศ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้เข้ามายึดครองญี่ปุ่นได้สำเร็จก่อนจะยกเลิกกฎดังกล่าวทว่าก็ไม่ได้กลับมานิยมมากนักเนื่องจากภาพลักษณ์ของมันที่ถูกเชื่อมโยงไปกับกลุ่มของผู้กระทำผิด หรือกลุ่มของยากูซ่าเสียแล้วทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักฟุตบอลญี่ปุ่น หรือแม้แต่นักฟุตบอลชนิดอื่นๆ ถึงไม่นิยมสักลายกันบนร่างกายของพวกเขา เพราะค่านิยมที่ปลูกฝังมาตั้งแต่บรรพบุรุษ รวมถึงการเป็นตัวอย่างในสังคม ที่ชาวญี่ปุ่นรับไม่ได้เลยจริงๆหากบุคคลตัวอย่างมีรอยสักลายดังกล่าว
เกร็ดความรู้
ค่านิยมและความลำบากของผู้ที่มีรอยสักยังไม่จบเพียงเท่านี้ ส่วนใหญ่แล้ว บุคคลที่มีรอยสักจะถูกมองไปในทางเสื่อมเสียและไม่ได้รับการยอมรับในสังคมญี่ปุ่น เขาพวกไม่สามารถใช้งานในพื้นที่สาธารณะได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นรอยสักดั้งเดิมหรือสมัยใหม่แบบแฟชั่นก็นับเป็นรอยสักที่จะถูกตัดสินการใช้พื้นที่สาธารณะทันที เช่นการเข้าโรงอาบน้ำรวม โรงยิม ชายหาด สระว่ายน้ำรวม แม้กระทั่งร้านอาหาร
(ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
อย่างไรก็ดีพวกเขาสามารถใช้ปลาสเตอร์ปิดรอยสักได้หากต้องการเข้าร่วมในพื้นที่สาธารณะดังกล่าว แต่นั่นก็เฉพาะกับผู้ที่มีรอยสักขนาดเล็กเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่มีรอยสักขนาดใหญ่ พวกเขาจะถูกสั่งห้ามทันที บางแห่งที่ติดป้ายประกาศก่อนเข้าร้านเลยทีเดียว ว่าห้ามผู้ที่มีรอยสักเข้าไปใช้บริการด้านใน
กฎหมายของญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศย้ำเตือนอีกด้วยว่าการสักเป็นปฏิบัติการทางการแพทย์ ที่จะมีเฉพาะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ชาวญี่ปุ่นที่โดนปฏิเสธการให้บริการ ชาวต่างชาติที่มีรอยสักก็ถูกปฏิบัติเช่นเดียวกัน รวมไปถึงที่พักกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในญี่ปุ่นก็ปฏิเสธการให้บริการกับผู้ท่องเที่ยวที่มีรอยสักเช่นกัน อย่างไรก็ดีสำหรับสถานที่พักกฎดังกล่าวก็ถูกยกเลิกไปแล้วเนื่องจากพวกเขาต้องรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเพื่อให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สามารถติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอล รวมถึงเรื่องราวน่ารู้ และเคล็ดเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้ท่านได้เข้าถึงฟุตบอลมากขึ้นได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บให้ข้อมูลข่าวสารของวงการฟุตบอลอันดับหนึ่งของประเทศไทย