KUBET ภูมิใจนำเสนอเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ปาฏิหาริย์ฟุตบอลหยุดสงครามโดย “ดิดิเยร์ ดร็อกบา” ผู้เปลี่ยนทิศเปลวเพลิงให้เผาทำลายอาวุธที่ใช้ต่อสู้กันแทนที่จะเผากันเอง กัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ หรือปัจจุบันที่ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น ทีมชาติโกตดิวัวร์ เรื่องราวของดร๊อกบาที่ไม่ใช่แค่นักฟุตบอลทั่วไป ความยิ่งใหญ่ของเขาจะเป็นยังไง ไปรับชมพร้อมๆกันได้เลย
ประเทศไอเวอรี่โคสต์ หรือ โกตดิวัวร์
ในปี 1999 เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นที่ประเทศไอเวอรี่โคสต์ ผู้คนแตกออกเป็นสองฝ่าย และกำลังห้ำหั่นกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดละ ประชาชนในประเทศเต็มไปด้วยคนไร้บ้าน อดอยาก ทุกหนแห่งของประเทศเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและเสียงปืน
“ดิดิเยร์ ดร็อกบา”

เริ่มต้นเส้นทางชีวิตของดร๊อกบาด้วยการที่คุณลุงของเขาได้ย้ายมาเป็นนักฟุตบอลที่ฝรั่งเศสในวัย 22 ปี ซึ่งเป็นลีกรอง ที่ไม่ได้ใหญ่นัก ดร็อกบาในวัย 5 ขวบได้ถูกส่งตัวมาอยู่กับคุณลุงของเขาเช่นกัน เพราะครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะมากนัก เขาใช้เวลาอยู่ในฝรั่งเศสกับคุณลุง 3 ปี จนกระทั่งอายุ 8 ขวบ เขาก็ถูกส่งกลับบ้านเกิดของเขาเนื่องจากคุณลุงเองก็เลี้ยงเขาไม่ไหว ขณะที่อยากทำตามความฝันของตัวเองไปด้วย

แน่นอนว่านั่นเป็นความสุขเล็กๆของเด็กชายวัย 8 ขวบที่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านอีกครั้ง จนกระทั่งในวัย 11 ขวบ เขาก็ถูกส่งตัวมาอยู่ที่ฝรั่งเศสอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางของฟุตบอลอย่างเต็มตัว เขาได้เข้าร่วมการเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสรเลอม็อง ใช้เวลาฝึกฝนตนเองนานกว่า 6 ปีก่อนจะย้ายไปอยู่สโมสรแก็งก็อง 1 ปี ต่อด้วยมาร์แซย์สโมสรใหญ่เล่นในลีกเอง เขาฉายแววโดนเด่นจนกระทั่งเป็นที่หมายตาของเชลซี
ในปี 2004 ดร็อกบาย้ายไปอยู่กับเชลซีและนั่นก็คือยุคทองของเขา จริงๆ เขาลงเล่นให้กับเชลซีทั้งหมด 254 นัด ทำสกอร์ไปได้ 104 ประตู เขาใช้เวลาค้าแข็งอยู่ที่ฝรั่งเศสยาวนานจนกระทั่งอายุ 21 ปี ก็ได้เดินทางกลับไปบ้านเกิดของเขาอีกครั้ง เป็นเวลากว่า 10 ปีที่เขาไม่ได้กลับไปที่นั่น ภาพจำของดร็อกบากับประเทศบ้านเกิดของเขา แน่นอนว่ามันสวยงาม แม้จะแร้นแค้น แต่ผู้คนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและมีความสุข
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)

การกลับบ้าน
ดร็อกบากลับบ้านไปในฐานะของนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงและนักเตะทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ ทันทีที่กลับมาถึงประเทศบ้านเกิดของเขาก็พบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในช่วงเวลานั้น ซึ่งผู้คนถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย นั่นคือฝ่ายที่สนับสนุนประธานาธิบดี Laurent Gbagbo กับอีกฝ่ายเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่มีแกนนำคือ Alassane Ouattara นับเป็นคู่แข่งสำคัญทางการเมือง

ดร็อกบามองเห็นผู้คนไร้บ้านตามท้องถนน ร้านค้าที่ถูกปิดไปอย่างถาวร บ้านเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังถืออาวุธ รถถัง เสียงระเบิด การกลับบ้านครั้งนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า เขาต้องช่วยเหลือบ้านเกิดของเขาให้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิมให้ได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไอเวอรี่โคสต์ ได้ตั๋วเข้าร่วมชิงแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 พอดี นั่นเป็นโอกาสสำคัญที่เขาจะได้ประกาศเจตนารมณ์ของตัวเอง

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ไม่ว่าทุกคนจะอาศัยอยู่ในส่วนไหนของประเทศ ตอนนี้เราทำได้แล้ว วันนี้เราคือชาวไอเวอเรี่ยนเหมือนกันทั้งหมด เราได้เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เราขอถือสัตย์และสัญญาว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นการเฉลิมฉลองของพวกเราทุกคน .... วันนี้เราทุกคนอ้อนวอนพวกคุณสักเรื่องหนึ่ง เรายอมคุกเข่าเพื่อขอสิ่งนี้ ให้อภัยกันเถอะ ยกโทษให้กันเถอะ ได้โปรด เราคือหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่ง ถ้าไม่มีการรบราฆ่าฟันกัน ดังนั้น วางอาวุธ แล้วรอการเลือกตั้ง ทำตามกฎระเบียบเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นกว่านี้เถอะ” ดิดิเยร์ ดร็อกบา กัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
3 ปีหลังจากนั้น
หลังจากที่ทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ได้รับตั๋วเข้ารอบสุดท้ายและจบคำพูดของดร็อกบา นักเตะทุกคนก็ร้องเพลงชาติกัน ไร้ซึ่งการดื่มสังสรรค์อย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น สงครามกินเวลาต่อไปเกือบ 3 ปี จนกระทั่งการปรากฏตัวของดร็อกบาอีกครั้งพร้อมการยื่นข้อเสนอให้มีการแข่งขันฟุตบอลขึ้นในประเทศ โดยให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านจัดงานครั้งนี้ร่วมกัน โดยฝ่ายรัฐบาลเป็นฝ่ายควบคุมงาน จัดการความเรียบร้อยทั้งหมด ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านได้รับหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัย ความสงบรอบสนามและระหว่างการแข่ง

ศึกครั้งนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายน 2007 กับศึก Ivory coast WU Mardacasca ในศึกแอฟริกัน เนชั่น คัพ ซึ่งนับว่าเป็นนัดสุดท้ายของดร็อกบาที่จะได้เล่นในบ้านของเขา ซึ่งใช้สนามที่อยู่ในพื้นที่ของฝ่ายกบฏ ในศึกครั้งนี้ไอเวอรี่โคสต์ชนะไปได้ด้วยสกอร์ 5 ต่อ ชัยชนะที่ไม่ได้มีเพียงแค่ผลการตัดสิน ทว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายจับมือกัน พร้อมเฉลิมฉลองชัยชนะด้วยกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เปลวไฟแห่งความขัดแย้งเริ่มมอดลงไปพร้อมกับความหวังใหม่ของชาวไอเวอรี่โคสต์

สิ้นสุดซึ่งสงครามทางการเมืองและการราฆ่าฟัน ทั้งสองฝ่ายเริ่มปลดอาวุธและร่วมมือกันแสวงหาสันติ ทางออกที่ไม่ได้เดินเพียงลำพัง การรวมไอเวอรี่โคสต์ให้กลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง ทั้งหมดนี่คือความสำเร็จของผู้ชายที่ชื่อว่า ดิดิเยร์ ดร็อกบา กัปตันทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ ที่ใช้ฟุตบอล อาชีพที่เขารักเป็นสื่อกลางในการเชื่อมทุกอย่าง ความยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้มีแค่ชนะหรือแพ้ แต่มันมีควมอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นมากมายที่คุณเองก็แทบจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUEBT เว็บไซต์ให้ข้อมูลข่าวสารวงการฟุตบอลอันดับ 1 ของประเทศไทย