KUBET เมื่อฟุตบอลกลายเป็นชนวนสงครามที่ทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้นในศึกของ “ยูโกสลาเวีย” เมื่อทีมระดับตำนานทั้งสองทีม ดินาโม VS เรดสตาร์ ทีมในสัญชาติยูโกสลาเวียมีนัดดวลแข้งกันที่ไม่ได้มีเพียงการแข่งขันฟุตบอล ทว่ามันคือจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกชีวิต เรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เคยโด่งดัง จะเป็นมาอย่างไร ติดตามรับชมไปพร้อมกับเคยูเบทได้เลย
ประเทศยูโกสลาเวียและทีมชาติ
ในปี 80 ประเทศยูโกสลาเวีย หนึ่งในประเทศมหาอำนาจของวงการฟุตบอลในฝั่งยุโรปตะวันออก สำหรับทีมชาติยูโกสลาเวียที่ถูกยกให้เป็นทีมบราซิลฝั่งตะวันออก พวกเขาเคยได้แชมป์มากมายทั้งแชมป์ยูโร เหรียญทองโอลิมปิก ยุคทองแห่งวงการกีฬาของยูโกสลาเวีย ไม่ใช่เพียงแค่ทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียง แต่ยังมีบาสเกตบอลที่ได้เหรียญเงินโอลิมปิกปี 1988 ต่อด้วยแชมป์ยุโรปในปีต่อมา สำหรับนักเทนนิสสาวที่ก้าวเข้ามาในเวทีระดับโลกและสามารถคว้าแชมป์โลกไปได้อย่างสวยงาม
ทว่าสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญอีกสิ่งหนึ่งและขาดไม่ได้เลยนั่นคือ “กีฬาฟุตบอล” ช่วงปลายปี 80 ทีมชาติยูโกสลาเวียสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนระดับโลกได้ ซึ่งนักเตะในทัพช่วงนั้นเต็มไปด้วยคนที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือเป็นที่รู้จักทั่วโลก มาถึงช่วงบอลโลกปี 90 ทีมชาติยูโกสลาเวียสามารถเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้ ทว่าแพ้ให้กับอาร์เจนตินาเสียก่อน อย่างไรก็ดีนั่นเป็นอันดับที่น่าพึงพอใจอย่างมากสำหรับพวกเขา
หากมองย้อนไปถึงลักษณะทางภูมิภาค ยูโกสลาเวีย เป็นประเทศที่ประกอบไปด้วย 6 สาธารณรัฐย่อยด้วยกัน คือ สาธารณรัฐสังคมนิยมบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (SR Bosnia and Herzegovina), สาธารณรัฐสังคมนิยมโครเอเชีย (SR Croatia), สาธารณรัฐสังคมนิยมมาซิโดเนีย (SR Macedonia), สาธารณรัฐสังคมนิยมมอนเตเนโกร (SR Montenegro), สาธารณรัฐสังคมนิยมเซอร์เบีย (SR Serbia), และสาธารณรัฐสังคมนิยมสโลวีเนีย (SR Slovenia)
ซึ่งนักเตะแต่ละรัฐที่มารวมตัวกันฐานะทีมชาติก็ระดับตำนานทั้งนั้น นั่นทำให้ทีมชาติยูโกสลาเวีย เคลือบทองสุดๆในปีนั้น วงการฟุตบอลของประเทศเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมฟุตบอลเรดสตาร์เบลเกรด จากเซอร์เบียสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพได้ในปี 1991 ทำให้นักเตะหลายคนในทีมกลายเป็นระดับท็อปของยุโรปเป็นที่ต้องการมากมายของสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วโลก อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความสำเร็จมากมายของวงการกีฬาสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาพร้อมกับสงครามที่รอวันปะทุได้ทุกเมื่อ
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
จุดเริ่มต้นของสงคราม
ช่วงที่ประเทศกำลังประสบเหตุการณ์สงครามเย็น และการขาดการช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการที่ประเทศเริ่มขัดแย้งกับโซเวียต นั่นทำให้เศรษฐกิจเริ่มซบเซาลงเรื่อยๆ กระทั่งในยุค 70 เป็นยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำถึงขีดสุด ซึ่งระหว่างนั้นประธานาธิบดีของ ยูโกสลาเวียคือ Josip Broz Tito ประธานาธิบดีคนที่ 1 ปกครองอยู่ เขาใช้วิธีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในประเทศที่กำลังอดอยาก แต่นั่นก็ทำให้ประเทศเป็นหนี้อย่างมหาศาล และไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น
หลังจากเขาเสียชีวิตลง Slobodan Milosevic ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปและนี่เองคือจุดเริ่มต้นของจุดจบทุกอย่าง เขาเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นแบบชาตินิยมเชิงชาติพันธุ์แบบสุดโต่ง ที่สนับสนุนชาวเซอร์เบียอย่างเห็นได้ชัด ก่อให้เกิดการแยกตัวเป็นรัฐอิสระในหลายพื้นที่ นำมาซึ่งความขัดแย้งที่รุนแรง และรัฐที่ต้องการแยกตัวอย่างแรงกล้าคือ โครเอเชีย แต่ Slobodan ไม่เห็นด้วย จึงก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น และปะทุในวันที่ 13 พฤษภาคม 1990 สถานที่คือ สนามฟุตบอล
สนามฟุตบอลตัดสินชะตา
การดวลกันของ ดินาโม ซาเกร็บจากประเทศ โครเอเชีย และ เรดสตาร์เบลเกรด จากเซอร์เบียในศึก ยูโกสลาฟ เฟิร์สลีก ซึ่งเป็นสองทีมใหญ่ของประเทศที่นักเตะมักจะถูกเรียกตัวไปเข้าร่วมทีมชาติอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี การแข่งขันในรอบนั้น เรดสตาร์เบลเกรด ได้แชมป์อย่างแน่นอนเนื่องจากคะแนนรวมของพวกเขาทิ้งห่างแบบตามกันไม่ทันอยู่แล้ว แต่การแข่งขันวันนั้นก็ต้องดำเนินต่อตามระเบียบ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องของผลแพ้ชนะ หรือ การแข่งขันทั่วไป สำหรับพวกเขาแล้วแมตซ์วันนั้นคือศักดิ์ศรีระหว่างเชื้อชาติ แมตซ์ที่เต็มไปด้วยเหล่าแพ้บอลมากมาย ตั้งตารอดูแมตซ์นี้อย่างใจจดใจจ่อ ทว่ายังไม่ทันจะเริ่มเกม กลุ่มแฟนบอลเรดสตาร์เบลเกรด
เริ่มเปิดฉากโจมตีแฟนบอลชาวดินาโมด้วยการปาก้อนหินใส่ ทำร้ายป้ายโฆษณา ทำร้ายร้านค้าต่างๆภายในเมือง พร้อมกล่าวว่า “เราจะฆ่าพวกมันให้หมด” เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาควบคุมเหตุการณ์ได้ทัน แม้จะมีผู้บาดเจ็บหลายราย ก่อนจะยุติการแข่งไป ก่อนพวกเขาจะเวียนมาเจอกันอีกครั้ง
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
สนาม Maksimir Stadium ของดินาโม ซาเกร็บ มีแฟนบอลกว่า 2 หมื่นราย ยังไม่ทันจะได้เริ่มการแข่งขัน แฟนบอลก็เริ่มด่าทอกันอีกครั้ง มีเสียงเพลงเหยียดเชื้อชาติถูกเปิดก้องสนาม พร้อมการแสดงท่าทางก้าวร้าวอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มแฟนบอลของดินาโม ซาเกร็บพังรั้วสนามวิ่งลงมาเผชิญหน้ากับแฟนบอลเรดสตาร์ เหตุการณ์ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้นักบอลต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดเว้นแต่ซโวนิเมียร์ โบบัน
“ผมเห็นว่าตำรวจปฏิบัติต่อแฟนบอลทีมเราอย่างไม่เป็นธรรม พวกเขามุ่งแต่จะทำร้ายแฟนบอลฝั่งดินาโม โดยไม่สนใจที่จะห้ามปรามฝั่งเรดสตาร์ เหมือนกับพวกเซอร์เบียที่เอารัดเอาเปรียบเชื้อชาติอื่นๆมาตลอดหลายปี ผมจะไม่ยอมอีกต่อไป ” ซโวนิเมียร์ โบบัน
ซโวนิเมียร์ โบบัน เข้าไปช่วยเหลือแฟนบอลของพวกเขาด้วยการเข้าใส่เจ้าหน้าที่ที่กำลังทำร้ายแฟนของเขา นั่นทำให้เขาตกเป็นเป้าของทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและแฟนบอลของเรดสตาร์ แต่โชคดีที่แฟนบอลของฝั่งดินาโมเข้ามาช่วยได้ทัน อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงโดยไม่มีผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ในปี 1995 ประเทศโครเอเชียสามารถตั้งตนเป็นรัฐอิสระได้สำเร็จ เช่นเดียวกับชาติพันธุ์ต่างๆที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราชจากเซอร์เบีย ความสำเร็จที่พวกเขาได้รับอิสระ ก็นำไปสู่การล่มสลายของประเทศยูโกสลาเวีย
แน่นอนว่าความขัดแย้งของโครเอเชียและเซอร์เบีย รวมถึงรัฐอื่นๆในคราวนั้นถูกเรียกว่าสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีคนตายมากกว่า 1 แสนคน หลังจากสิ้นสุดสงคราม Slobodan Milosevic ผู้นำเผด็จการหมดอำนาจลงก็ถูกนำตัวไปสอบสวนในฐานะอาชญากรทางการเมือง ตามลำดับ
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของสงครามที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกีฬาฟุตบอล สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอล ประวัติศาสตร์น่ารู้เกี่ยวกับวงการฟุตบอลจากทั่วโลกได้ทางเว็บไซต์ KUBET