เรื่องราวของนักฟุตบอลที่เคยโด่งดังกับพฤติกรรมสุดโต่งที่พวกเขาได้สร้างไว้ในจักรวาลฟุตบอลอย่าง“คาร์ลอส ไกซอส” ผู้ทำอาชีพค้าแข้งในวงการฟุตบอลมาเกือบ 26 ปี ทว่าไม่เคยลงเล่นเลยสักนัดเดียว แต่พี่แกกลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลามที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของนักฟุตบอลเลยทีเดียว สำหรับเรื่องราวที่สร้างประวัติศาสตร์ให้คาร์ลอสจะเป็นเรื่องใด วันนี้ KUBET มีคำตอบให้แล้ว
“คาร์ลอส ไกเซอร์ “
Carlos Henrique Raposo หรือ คาร์ลอส ไกเซอร์ อดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล เขาเกิดในปี 1970 ที่เมือง Porto Alegre ประเทศบราซิลก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ Rio de Janeiro ตอนอายุ 7 ขวบนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันที่อยากจะเป็นนักฟุตบอล เขาเริ่มออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ในละแวกบ้านที่อยู่อาศัย ก่อนจะเริ่มมีแมวมองเข้ามาค้นหานักเตะหน้าใหม่หนึ่งในนั้นคือแมวมองจากสโมสร Botafogo สโมสรใหญ่ประจำเมือง Rio de Janeiro ไกเซอร์ได้รับโอกาสนั้นทันที
ในฐานะทีมเยาวชนของ Botafogo ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ Flamengo สโมสรยักษ์ใหญ่เช่นกัน อย่างไรก็ดี เขายังไม่สามารถเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ได้เลย ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร Puebla ในเม็กซิโกด้วยวัย 16 ปี ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้ลงสนามในนามของทีมชุดใหญ่อยู่ดี ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ที่ Botafogo อีกครั้ง ก่อนชีพจรจะลงเท้า ย้ายสโมสรไปเรื่อยๆ จนเกือบทั่วบราซิล รวมถึงย้ายไปถึงสโมสรในยุโรปอย่าง Gazélec Ajaccio หรือแม้แต่ในอเมริกา เขาก็ไปมาแล้วอย่างสโมสร El Paso Sixshooters
ไกเซอร์ใช้เวลาในการย้ายสโมสรไปมามากกว่า 26 ปี ซึ่งเขาไม่เคยลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียว ทว่าความจริงก็เปิดเผยหลังจากนั้นไม่นาน เขาว่าคือ “นักต้มตุ๋น” ระดับพการที่ใช้สถานะของนักฟุตบอลในการหากิน ใช้ชีวิตเลิศหรู พร้อมกับเม็ดเงินที่ไหลเวียนเข้ามาหาเขาอย่างมหาศาลจากการซื้อตัวไปมาของสโมสร
(ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
กลลวงจนโลกจำ
หลายคนตั้งคำถามว่าเขาสามารถทำแบบนั้นได้อย่างไรโดยไม่โดนจับได้เลย หรือทำไมถึงยังมีการซื้อขายตัวของเขาอยู่หากไร้ซึ่งผลงาน ย้อนกลับไปดูตัวของไกเซอร์ เด็กหนุ่มชาวบราซิล มีลักษณะภายนอกที่ดูดี สะอาดสะอ้าน แถมยังมีใบหน้าที่หล่อเหลา ผมยาวประบ่า ใส่แว่นดำ ภาพจำที่ใครๆก็ต่างชื่นชอบภาพลักษณ์ของเขาในตอนนั้น และความลับที่แท้จริงของจอมลวงโลก ที่ใครก็ไม่อาจลอกเลียนแบบได้นั่นคือ “วาทศิลป์”
ไกเซอร์ใช้ความสามารถในการพูดจาโน้มน้าวได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการวางตัวและการเข้าถึงผู้มีอำนาจ ที่เรียกได้ว่าหาตัวจับยากสุดๆ เขาแต่งเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาทั้งหมดในการนำไปเสนอตัวต่อผู้มีบารมีในสโมสรนั้นๆ เขาสามารถพูดให้หลายๆทีมซื้อตัวของเขาได้อย่างไม่แคลงใจ
" ถ้าใครได้คุยกับเขา เมื่อเขาเปิดปากเมื่อไหร่มันเหมือนการต้องมนต์สะกด เหมือนเขามีเวทมนตร์ ที่เมื่อเขาพูดออกมาแล้ว ทุกคนก็พร้อมใจที่จะเชื่อเขาเสมอ " Bebeto อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิลชุดตำนานแชมป์โลกปี 94
บวกกับเทคโนโลยีในยุคนั้นที่ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ นั่นจึงเป็นโอกาสที่ไกเซอร์คว้าเอาไว้พร้อมใช้ประโยชน์กับมันได้อย่างเต็มที่ เขามีกลยุทธ์มากมายในการสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นภาพจำในวงการฟุตบอลอย่างการตีสนิทกับนักข่าวเพื่อให้เขียนข่าวของเขา และปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อที่เคยทำไว้ คือการได้รับรางวัลดาวซัลโวของลีกบราซิล จากการเขียนข่าวของนักข่าวที่สนิทของเขานั่นเอง เป็นเหตุให้เขาได้เข้าร่วมกับลีกดังเพื่อไปเล่นในยุโรป
ไกเซอร์มักจะใช้ชีวิตเลียนแบบ นักเตะระดับโลกอย่าง Renato Gaucho นักเตะชาวบราซิลยุค 80 เขาอยากที่จะเป็น Renato ถึงขั้นพยายามสวมรอยจะเป็น Renato โดยการป่าวประกาศกับคนอื่นๆ เวลาออกไปสังสรรค์ว่าตนเองคือ Renato Gaucho นั่นทำให้เขาได้รับการดูแลอย่างดี ก่อนจะโดนจับได้เพราะ Renato Gaucho ตัวจริงดันไปเที่ยวร้านเดียวกัน ทว่าเรื่องจบด้วยการเป็นเพื่อนกันเพราะความสามารถในการพูดของเขานั่นเอง ไกเซอร์ยังมีเพื่อนสนิทอีกหลายคนที่เป็นนักเตะคนดังในยุคนั้น
(ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
วิธีการเป็นจอมลวงโลกที่โด่งดัง
สำหรับการเอาตัวรอดของไกเซอร์ในแต่ละแมตซ์การแข่งขัน สำหรับการลงซ้อมในนัดแรก เขามักจะแสร้งทำเป็นบาดเจ็บสาหัสเสมอ เพื่อจะได้พักร่างกายยาวๆ ตลอดการแข่งครั้งนั้น ซึ่งในช่วงนั้นที่การแพทย์ไม่ได้กว้างนัก ทำให้เขาไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน สโมสรจึงทำได้แค่เชื่อคำพูดของเขาเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าการกระทำของเขาจะรอดพ้นความจริงไปได้เสมอ ในตอนที่เขาย้ายไปอยู่กับสโมสร Bangu เขาเองก็เกือบชะตาขาดมาแล้ว
สโมสร Bangu สโมสรเล็กๆในบราซิลทว่ามีความเก่าแก่และมีเจ้าของเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่มีบทบาทเป็นถึงเจ้าพ่อ มาเฟีย อาชญากรชื่อดังของบราซิล เขาเคยพกปืนลงไปขู่กรรมการในสนามฟุตบอล ไกเซอร์ยังคงใช้มุกเดิมกับ Bangu กระทั่งในคืนที่เขาออกไปสังสรรค์กับเพื่อนก่อนจะมีสายโทรศัพท์ที่ต่อตรงมาถึงเขา ซึ่งปลายสายก็คือโค้ชของทีม ที่ได้โทรมาบอกให้เขาเตรียมตัวลงสนามในวันพรุ่งนี้ในฐานะตัวสำรอง แม้โค้ชจะบอกว่าแค่ไปนั่งให้ผู้จัดการเห็นก็พอไม่ได้ให้ลง แต่เมื่อวันแข่งจริงมาถึง ผู้จัดการก็โทรมาสั่งให้เขาลงสนาม
เขารู้แน่แล้วว่าความลับกำลังจะถูกเปิดเผย เนื่องจากเขาไม่ได้เก่งอะไรเลย กับเรื่องราวที่เคยโฆษณาเอาไว้ ก็กำลังจะเล่นงานเขา ทว่าเขาก็พลิกสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อจู่ๆก็มีแฟนบอลกลุ่มหนึ่งตะโกนด่าเขา ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปมีเรื่องกับกลุ่มแฟนบอลเหล่านั้นทันที ทำให้ไกเซอร์โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป ยิ่งไปกว่านั้น เขายังบอกกับผู้จัดการทีมเจ้าพ่อว่า เขาทำแบบนั้นเพราะผู้คนเหล่านั้นด่าผู้จัดการทีม ที่เขาเคารพ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ไกเซอร์ได้ค่าเหนื่อยเพิ่มอีกสองเท่าพร้อมต่อสัญญาอีก 6 เดือน
แน่นอนว่าการกระทำของเขาที่ทุกคนรู้ดีแล้วว่าเขาเป็นยังไง หรือมีพฤติกรรมแบบไหน แต่หนึ่งสิ่งที่พวกเขาเลือกที่จะละเลยและพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ คาร์ลอส ไกเซอร์ เป็นคนดี ทุกคนอยากจะมีเขาอยู่ในทีมเพื่อสร้างรอยยิ้ม แรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีม เขาสามารถเป็นที่พึ่งให้ใครกลายๆคนในทีมได้ ให้กำลังใจ คอยสนับสนุนผู้อื่นอยู่เสมอ หลายคนอยากจะอยู่ใกล้เขา และรู้สึกดีที่มีเขาอยู่ ทุกคนรู้ดีว่าเขาเล่นฟุตบอลไม่เป็นและกำลังหลอกลวง แต่ก็ไม่มีใครอยากจะถือโทษโกรธเขาเลยแม้แต่น้อย และนี่ก็คือเรื่องราวของนักฟุตบอลที่ไม่เคยลงสนามเลยตลอด 26 ปี แต่เขากลับได้รับการยอมรับ และมีมิตรภาพที่ดีเยี่ยมเสมอมา
ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลของวงการลูกหนังจากทั่วทุกมุมโลก ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย