ทำไมคนบราซิลไม่รัก “เนย์มาร์” เหมือนเดิม เรื่องราวของนักเตะชาวบราซิลที่เคยเป็นที่ชื่นชอบและชื่นชมของชาวบราซิล ทั้งผลงานมากมายในสนาม สถิติที่สร้างไว้ให้กับสโมสรที่เขาเคยค้าแข้ง แน่นอนว่าฝีเท้าของเขาไม่มีข้อกังขาหรือข้อโต้แย้งใดๆเลย ทว่า แฟนบอลชาวบราซิลที่เคยรักและชื่นชมเขามากๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็กลับหมางเมิน บางกลุ่มถึงขั้นเกลียดชัง เรื่องราวเป็นมาอย่างไร และปมปัญหาที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดคืออะไรกันแน่ วันนี้ KUBET คำตอบมาให้แล้ว

เนย์มาร์แจ้งเกิด
เดิมทีประเทศบราซิลเป็นประเทศที่ชื่นชอบและมีความนิยมอยากมากในกีฬาฟุตบอล ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เริ่มมีทีมฟุตบอลเกิดขึ้นมากมาย หลายยทีมเติบโต แข่งขัน แย่งชิง และเลื่อนอันดับความยิ่งใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนชัยชนะเหล่านั้นกลายเป็นตัวแทนของชนชั้นเลยก็ว่าได้ อาทิเช่น Flameago ที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของทีมคนจน และชนชั้นแรงงาน ทั้งที่สโมสรดังกล่าวก่อตั้งโดยกลุ่มชนชั้นสูง ทว่ามีการปรับภาพลักษณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในยุค 1930 ให้กีฬาฟุตบอลเข้าถึงชนชั้นแรงงานมากขึ้น โดยการนำนักเตะผิวดำเข้าสู่ทีม
หรืออีกหนึ่งสโมสรอย่าง Fluminense ที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มนายทุนและกลุ่มชนชั้นกลางค่อนไปทางบน เกิดการต่อสู้กันระหว่างสโมสร แฟนบอลห้ำหั่นกัน แต่เมื่อถึงช่วงเวลาของทีมชาติบราซิลลงสนาม ก็ทำให้พวกเขาพร้อมใจร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อาทิเช่นในปี 1950 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ที่เหล่าแฟนบอลไม่ว่าจะสโมสรไหนก็พร้อมใจกันมาเชียร์ทีมชาติของตนเองอย่างพร้อมเพรียงกัน และปีที่เห็นภาพชัดที่สุดคือปีที่มีเปเล่เข้ามา เป็นหนึ่งในนักเตะผิวสีทีมชาติบราซิล

ในปี 1958 เปเล่เป็นผู้นำชัยแชมป์โลกมาสู่ทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรก พร้อมกับคว้าชัยให้ทีมชาติมาอย่างต่อเนื่อง ในมุมมองของคนบราซิล เขาเปรี่ยบเสมือนพระเจ้า นี่แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลสำหรับคนบราซิลเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และหากมีนักเตะคนใดสามารถสร้างชื่อ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกีฬาฟุตบอลได้พวกเขาก็พร้อมที่จะเทิดทูนเอาไว้เหนือหัวเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็มีนักเตะอีกหลายคนที่แฟนบอลทั่วโลกคุ้นหูเป็นอย่างดี อย่าง Zico โรนัลดินโญ่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับการสรรเสริญจากแฟนบอลบราซิลทั้งสิ้น
สามารถติตตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET
กระทั่งเข้าสู่ยุคของพระเจ้าคนล่าสุด “เนย์มาร์” เด็กหนุ่มจากซังตุส กับลีลาการเล่นสุดเร้าใจ เหนือจินตนาการ และสร้างสรรค์แบบบราซิลเลี่ยนแท้ๆ เกมนัดแรกที่เขาลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลเจอกับสหรัฐอเมริกา สามารถทำประตูได้ทันที ในนัดถัดไปที่เจอกับสกอตแลนด์ เขาก็ทำได้อีกสองประตู เรียกได้ว่าเป็นเกมแจ้งเกิดของเนย์มาร์อย่างเต็มตัว
ทุกๆอย่างของเขาถูกเฉิดฉายออก ณ เวลานั้น ทั้งการประตูได้ ภาวะการเป็นผู้นำ การสร้างสรรค์เกม กระตุ้นเพื่อนร่วมทีม กระตุ้นกองเชียร์ ทั้งที่วันนั้นเขาอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น นับตั้งแต่วันนั้น ทุกคนก็ได้รู้จักชื่อของเขาแบบเต็มตัว เขากลายเป็นความหวังยุคใหม่ของทีมชาติบราซิลทันที

“ในเกมนั้น ความตื่นตาตื่นใจอยู่ที่เด็กอายุเพียง 1 ปี ที่ชื่อว่า เนย์มาร์”
แอนดี้ แคมป์เบลล์ นักข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ.
“เด็กจากซังตุสคนนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า ทำไมเขาถึงเป็นที่สนใจ จากสโมสรชั้นนำของยุโรป”
-Eurosoprt.
ทำไม เนย์มาร์ ไม่ถูกรักอีกแล้ว จากชาวบราซิล
หลังจากวันนั้นไป 4 ปี เนย์มาร์กลายเป็นตัวหลัก เป็นความหวัง กลายเป็นซุปตาร์ โดยเฉพาะตอนที่ย้ายไปอยู่บาซ่าในปี 2013 กระทั่งในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ เขาถูกตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูงสุดสำหรับศึกครั้งนี้ เปเล่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระแสของเขาในปีนี้ว่า
“แม้ว่าเนย์มาร์จะทำได้ดี เติบโตเกินอายุและเป็นความหวังของทีมชาติ แต่อย่าลืมว่ามันอาจจำหนักหนาเกินไปและอาจจะส่งผลต่อทีมชาติได้ ถ้าคุณฝากความหวังไว้ที่นักเตะเพียงคนเดียว”
เปเล่

ศึกฟุตบอลโลกเริ่มต้นขึ้น ในสามเกมแรก รอบแรก เขาทำได้ทั้งหมด 4 ประตู พาทีมชาติเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เจอกับโคลอมเบียชนะได้ 2 ต่อ 1 แต่จุดเปลี่ยนเล็กๆเกิดขึ้นระหว่างเกมนั้น เนย์มาร์ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังเนื่องจากการปะทะกับนักเตะฝ่ายตรงข้าม นั่นทำให้นัดต่อไปเขาไม่สามารถลงแข่งได้ ซึ่งนัดถัดไปเป็นรอบรองชนะเลิศ ที่ต้องเจอกับเยอรมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเกมที่แฟนบอลจำได้ไม่ลืม รวมถึงเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เยอรมันถล่มบราซิลยับ 7 ประตู ต่อ 1 ซึ่งในเกมวันนี้ไม่มีเนย์มาร์อยู่
สามารถติตตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET
หลายสื่อมองว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นเพราะว่าขาดผู้เล่นอย่างเนย์มาร์ในสนาม แน่นอนว่าชื่อของเขาถูกกล่าวถึงมากขึ้นไปอีก นั่นทำให้บางฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างว่าพวกเขากำลังตั้งความหวังกับนักเตะที่ชื่อเนย์มาร์มากเกินไปกระทั่งวันที่ท่าทีของเนย์มาร์เปลี่ยนไป หลังจบทัวร์นาเมนต์ครั้งนั้น เขามีสัญญากับสื่อใหญ่ที่สุดในประเทศบราซิล ซึ่งเป็นเจ้าเดียวที่ได้สิทธิ์สัมภาษณ์เนย์มาร์หลังจบเกมนี้

คำถามเกี่ยวกับเกมฟุตบอลในวันนั้นถูกถามขึ้นมาแม้ว่าก่อนหน้านี้ คุณพ่อของเขาจะได้ยื่นข้อเสนอกับสื่อไปแล้วว่าไม่อนุญาตให้ถามคำถามดังกล่าว นั่นทำให้เนย์มาร์รู้สึกว่าเขาเองก็ถูกหักหลัง นั่นทำให้พ่อของเขาออกมาประณามสื่อว่ามีเจตนาจะทำร้ายชื่อเสียงลูกชายของเขา แน่นอนว่านั่นเองก็ส่งผลให้เหล่าแฟนบอลว่าเนย์มาร์เปลี่ยนไปเช่นกัน กระทั่งเขาได้กลับมาเล่นให้ทีมชาติบราซิลอีกครั้ง การเล่นของเขาก็เปลี่ยนไป แม้แต่ Tostao อดีตเพื่อนร่วมทีมของเปเล่ ก็ออกมาบอกว่า เนย์มาร์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยในตอนที่เล่นให้กับทีมชาติ
อีกทั้งพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเขาก็เปลี่ยนไป ในตอนที่เขาย้ายไปอยู่กับเปแอสเช ที่เรียกได้เลยว่าไปกันใหญ่แล้ว เพราะทางสโมสรเองก็เอาใจเขาสุดๆ มอบสิทธิพิเศษให้มากมาย ความขัดแย้งของเขาและเพื่อนร่วมทีมก็มีมากขึ้น แถมพฤติกรรมควบคุมตัวของไม่ได้ของเขาก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ซ้ำยังกล่าวอีกว่า ใครขว้างก้อนหินใส่เขา เขาก็จะขว้างกลับเหมือนกัน แม้แต่ในตอนที่สื่อขอสัมภาษณ์เขาก็บอกปัดแบบไม่ไยดี และไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำ

นั่นทำให้จากคนที่เคยรักเขามากที่สุด เริ่มกลายเป็นเกลียดชัง เพราะคำตอบคือ ต่อให้เขาเก่งแค่ไหน ณ วันนี้ เขาก็ยังเทียบกับคริสเตียโน โรนัลโด หรือ ลิโอเนล เมสซิ หรือแม้กระทั่งในฐานะของทีมชาติ เขาก็ยังเทียบกับเปเล่ไม่ได้เลย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดบนเส้นทางซุปตาร์ของเนย์มาร์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอล การวิเคราะห์ผลบอลก่อนแข่ง โปรแกรมการแข่งขัน และเรื่องราวประวัติศาสตร์น่ารู้อีกมากมายเกี่ยวกับวงการลูกหนังจากทั่วโลก ติดตามได้ทางเว็บไซต์ KUBET