KUBET ปาฏิหาริย์ “เฟอร์กี้ ไทม์” สร้างแมนยู เรื่องราวของความสำเร็จที่หายไป และความทรงจำที่เคยยิ่งใหญ่ อย่างไม่เคยรู้จักคำว่าพ่ายแพ้ แมนยูในยุคเฟอร์กูสัน ยังคงตราตรึงในความทรงจำของเหล่าแฟนผี มาร่วมย้อนรอยชัยชนะของแมนยูไปพร้อมกับเคยูเบท พร้อมเปิดประวัติ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้สอนให้แมนยูเติบโตอย่างผู้ยิ่งใหญ่ กับช่วงเวลาของ เฟอร์กี้ ไทม์
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เซอร์ อเล็กซานเดอร์ “อเล็กซ์” แชปแมน เฟอร์กูสัน หรือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1941 ปัจจุบันอายุ 81 ปี อดีตผู้จัดการทีมและผู้เล่นฟุตบอลชาวสกอต เป็นที่รู้จักจากการบริหารแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1986 ถึง 2013 ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เฟอร์กูสันเคยเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสรหลายแห่ง อาทิเช่น ดันเฟิร์มลีนแอธเลติกและเรนเจอร์ส ก่อนเขาจะเปลี่ยนเส้นทางมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลแทน
ในปี 1974 เฟอร์กูสันเริ่มต้นการเป็นผู้จัดการทีมให้กับอีสต์สตริลิงชีร์ เขาทำงานได้ให้กับสโมสรได้ 1 ปีก่อนจะย้ายไปสโมสร อาเบอร์ดีนในปี 1978 เขาสามารถทำให้ทีมฟุตบอลคว้าแชมป์ได้หลากหลายรายการทั้ง สก็อตติช พรีเมียร์ ดิวิชั่น,สก็อตติช คัพ,สก็อตติช ลีก คัพ,ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ และ ยูฟ่าซูเปอร์คัพในปี 1983
ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเดือนพฤศจิกายน 1986 เขาใช้เวลากับแมนยูไปทั้งหมด 26 ปี กับถ้วยรางวัลทั้งหมด 38 ถ้วย ชัยชนะในพรีเมียร์ลีก 13 สมัย เอฟเอคัพ 5 สมัย และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย ผลงานอันยอดเยี่ยมนั่นทำให้เขาได้รับยศอัศวินในงานพระราชทานยศเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระราชินีนาถประจำปี 1999 (1999 Queen’s Birthday Honours) จนกลายเป็นชื่อ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ” ในปัจจุบัน
(ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
เฟอร์กี้ ไทม์
แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ของแมนยูในยุคนั้นเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในวงกว้าง รวมถึงการควบคุมทีมโดยเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เทคนิคการนำทัพของเขาเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง โดยเฉพาะคำว่า “เฟอร์กี้ ไทม์” ที่มีความหมายว่า ช่วงเวลาหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในฟุตบอลอังกฤษ
ช่วงเวลาท้ายเกมการแข่งขัน รวมถึงการทดเวลาบาดเจ็บก่อนจบเกมที่มีมากพอที่จะทำให้รูปเกมนั่นเปลี่ยนแปลง คนไทยมักจะเรียกช่วงเวลานี้ว่า “นาทีบาป” ซึ่งที่มาของคำว่าเฟอร์กี้ ไทม์ ในศึกฟุตบอลระดับโกล ก็มาจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
นี่คือเทคนิคในการคุมเกมของเขากับแมนยู ที่ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการพลิกเกมให้แมนยูกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้อย่างน่าเหลือเชื่อภายใน 15 นาทีสุดท้ายของเกม เขาบ่มเพาะนักเตะจนมีความสามารถพิเศษในการเร่งเครื่องตอนท้ายเกมให้กลับมามีแรงเหมือนลงเล่นใหม่ๆ และนั่นมันก็เจ๋งสุดๆ อย่างไรก็ดี เทคนิคนี่ก็แค่ส่วนหนึ่งของเขาสำเร็จเท่านั้น
เขามักจะให้นักเตะฝึกซ้อมตามเงื่อนไขในเวลาที่กำหนดเอาไว้ เขาสอนนักเตะว่าควรเล่นอย่างไร ที่จะทำประตูได้ภายใน 10 หรือ 5 หรือ 3 นาที นั่นหมายถึงการฝึกให้เล่นในสถานการณ์ที่ยากลำบากภายในเวลาที่กำหนด นั่นทำให้นักเตะสามารถหาทางออกให้กับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างเฉียบขาด ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของทีมฟุตบอลแมนยูชุดนั้นคือการที่พวกเขาฮึดสู้แม้จะเป็นวินาทีสุดท้าย
(ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
สำหรับทัศนคติที่ทั้งเขาและนักเตะพร่ำบอกกับตัวเองอยู่เสมอนั่นคือ ชัยชนะ การชนะ พวกเขาต้องเป็นคนที่กระหายชัยชนะอยู่เสมอ และเชื่อมั่นเหลือเกินว่าพวกเขาจะทำมันได้อย่างง่ายดาย และสำเร็จ นี่คือสิ่งที่เขาย้ำเตือนต่อนักเตะของเขาในทุกครั้ง และบอกตัวเองอยู่ทุกวันเช่นกัน แม้ในวันที่ขาดนักเตะคนสำคัญไปมากถึง 5 คน เขาก็ยังคาดหวังถึงชัยชนะ
สำหรับเหตุการณ์เฟอร์กี้ ไทม์ที่โด่งดังที่สุด ในศึกชิงชนะเลิศแชมป์เปียนส์ลีกปี 1999 แมนยู เจอ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นแมตซ์ที่แมนยูกำลังไล่ล่ารางวัลแชมป์เปียนส์ลีกสมัยแรก ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเรื่องการที่เขาใช้ท่าทางด้วยการเคาะนาฬิกา
“การเคาะนาฬิกาข้อมือ มันเป็นแผนทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ผมใช้ ผมไม่ได้จับเวลาการแข่งขัน แค่มองมันผ่านๆเท่านั้น เพราะใครจะไปคิดได้ทันทีว่าต้องทดเวลาอีกกี่นาทีกันละ แต่ก็นะ ถ้าเห็นผมเคาะนาฬิกา และโบกไม้โบกมือ คู่แข่งจะผยองขึ้นมาทันที ผู้คนรู้ว่ายูไนเต็ดเก่งเรื่องยิงประตูท้ายเกม และพอเห็นผมชี้ที่นาฬิกา พวกนั้นจะรู้เลยว่าต้องเตรียมรับมือกับเรา ในช่วงเวลาที่ยาวนานเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด คู่แข่งจะรู้สึกเหมือนถูกล้อม” เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นนำตั้งแต่ 6 นาทีแรก หลังจากนั้นบาเยิร์น มิวนิค ก็ครองเกมบุกใส่แมนยูไม่ยั้ง ทว่าก็ไม่อาจตีแตกนัดที่สองได้ ในทีที่ 67 มีการเปลี่ยนตัวฝั่งแมนยู ก่อนจะมีหมากอีกตัวที่ถูกเปลี่ยนลงมาหลังจากนั้นไม่นาน อย่างไรก็ดี เกมการแข่งดำเนินไปจนเกือบจะสุดทางและปิดจบด้วย 0-1 เสียแล้ว กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาทีสุดท้าย
ปาฏิหาริย์ “เฟอร์กี้ ไทม์” ก็บังเกิดขึ้น หมากพลิกเกมที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวทำสกอร์ตีเสมอได้ 1-1 ก่อนหมากตัวที่สองจะยิงประตูขึ้นนำในนาทีสุดท้าย จบการแข่งขัน แมนยู ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2 ประตูต่อ 1 คว้าแชมป์เปียนส์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จ ถ้วยแรกของแมนยูในรอบ 31 ปี
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ เฟอร์กี้ ไทม์ วลีเด็ดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลข่าวสารฟุตบอลอันดับ 1 ของประเทศไทย