KUBET เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฟุตบอลทั้งโปรแกรมการแข่งและตารางผลคะแนนรวมถึงเรื่องราวของวงการลูกหนังทั่วโลก พร้อมนำเสนอทุกด้านทุกมุมที่เคยเกิดขึ้นจริงเช่นเดียวกับเรื่องของ ปาโบล เอสโกบาร์ มาเฟียโคลัมเบีย เจ้าพ่อโคเคนกับการถูกขังคุกส่วนตัวสุดหรู “ลา คาเตดรัล” พร้อมเชิญ ดิเอโด มาราโดนา นักเตะระดับโลกไปเล่นฟุตบอลให้ดู
ปาโบล เอมิลิโอ เอสโกบาร์ กาบิเรีย หรือ ปาโบล เอสโกบาร์ อายุ 44 ปี เกิดวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ.1993 เขาคือใครกัน จากประวัติศาสตร์ในหน้าของ ปาโบล เอสโกบาร์ ถูกบันทึกเอาไว้ว่า เขาคือ ผู้เสพยาเสพติดโดยมีอุปกรณ์ที่ครบครันที่สุดในโคลัมเบีย หรือถ้าหากจะพูดให้เข้าใจได้อย่างง่ายดายมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีทั้งอุปกรณ์การเสพยา และตัวยาที่หลากหลายครบทุกประเภท เขาก็คือ “พ่อค้ายา” หรือตามฉายาที่ถูกขนานนามอันทรงเกียรติเอาไว้ว่า “เจ้าพ่อยาเสพติดแห่งโคลอมเบียผู้ทรงอิทธิพลของโลก” นั่นเอง
จากธุรกิจสีเทาจนเกือบจะดำมืดทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นส่งผลให้เอสโกบาร์กลายเป็นอาชญากรที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์ มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดรวม 30 พันล้านเหรียญสหรัฐหากเทียบก่อนเสียชีวิตเขามีมูลค่าทรัพย์รวม 59 พันล้านเหรียญ แก๊งค้ายาเสพติดของเอสโกบาร์เข้าผูกขาดสัญญาซื้อขายกับอเมริกาทั้งหมดได้สำเร็จในปี ค.ศ .1980 ผลงานอันทรงเกียรติที่ยังคงมีอิทธิพลอยู่จนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของเอสโกบาร์สำหรับมาเฟียตัวเป้ง เขาเรียนไม่จบอะไรเลย และได้เข้าร่วมการทำงานกับผู้ลักลอบขนยาเสพติดหลายรอบ รวมถึงการทำงานแบบอื่นด้วยเช่น การลักพาตัว และ เรียกค่าไถ่ เอสโกบาร์รู้สึกชื่นชอบการทำงานแนวนี้เป็นอย่างมาก จนในปีค.ศ 1976 เขาได้ตั้งแก๊งเมเดยิน ขึ้นมา เขาเริ่มขายบุหรี่ผิดกฎหมาย ลอตเตอรี่ปลอม รวมถึงการโจรกรรมรถยนต์ จากนั้นก็เริ่มสร้างเส้นทางลัดลอบขนยาเสพติดสู่สหรัฐอเมริกาครั้งแรก(มากกว่า 80 % ของโคเคนในสหรัฐอเมริกาปัจจุบันมาจากแก๊งเมเดยีน)
เอสโกบาร์นำโคเคนกว่า 80 ตันเข้าสู่โคลัมเบียในแต่ละเดือน เขาร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกในไม่ช้า อย่างไรก็ดี เส้นทางของผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ระหว่างทางชีวิตของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ก็มักจะมีการสู้รบตบมือกับเหล่าแก๊งค้ายารายย่อยจนเกิดเป็นโศกนาฏกรรม การสังหารหมู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทบไปถึงชาวบ้าน และนักการเมืองผู้มีชื่อเสียงอีกมากมาย นั่นทำให้โคลอมเบียกลายเป็นเมืองแห่งอาชญากรรมของโลกไปโดนปริยาย
แต่จุดพีคสำคัญที่สามารถเอาผิดเอสโกบาร์ได้ก็คือการที่เขาออกคำสั่งระเบิดเครื่องบินเพื่อสังหารCesar Gaviria ผู้สมัครประธานาธิบดีโคลัมเบีย เนื่องจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 107 คน โดนไร้วี่แววของ Cesar Gaviria แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่บนเครื่อง ถึงอย่างนั้นเอสโกบาร์ก็ไม่ได้หยุดความบ้าระห่ำไว้แค่นั้น เขาใช้รถบรรทุกระเบิดพุ่งชนทำเนียบรัฐบาล มีผู้เสียชีวิตเกือบ 60 คน บาดเจ็บนับพัน แต่ก็ไม่สามารถพรากชีวิตกาวิเรียได้ จน Cesar Gaviria ได้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีได้ในที่สุด
การไล่ล่าเจ้าพ่อแห่งเมเดยีนของรัฐบาลสร้างความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ มีผู้เสียชีวิตในปีนั้นนับหมื่นคน แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมเอสโกบาร์ได้ จนเริ่มเปลี่ยนวิธีเป็นการเจรจาแทน เขาถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ในหลายๆคดีที่ก่อไว้ เซซาร์ กาวิเรีย ประธานาธิบดีโคลอมเบียไม่มีกฎให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้เอสโกบาร์ถูกคำสั่งจำคุกไว้ที่ “ลา กาเตดรัล” คุกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมเดยีน ประเทศโคลอมเบียมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นไว้ในพื้นที่ส่วนตัว มุมมอง 360 องศา ภาพทิวทัศน์ของเมืองโคลอมเบียที่ไร้สิ่งกีดขวางสายตา ด้านในตัวอาคารเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกที่หรูหรา ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ บาร์ ห้องจัดเลี้ยง รวมถึง สนามกีฬาขนาดมาตรฐาน ผู้คนเรียกที่นี่ว่า “คลับเมเดยีน” พนักงานผู้ให้บริการอยู่ภายในก็คือคนของเขาเอง เอสโกบาร์ที่ถูกจองจำในคุกก็ยังคงถูกปรนณิบัติอย่างราชาอยู่ดี
"ปาโบลรักฟุตบอลมาก รองเท้าคู่แรกในชีวิตของเขาคือรองเท้าฟุตบอล" ลุซ มาเรีย น้องสาวของเอสโคบาร์ กล่าวในสารคดี The Two Escobars
คลับเมเดยีน หรือ ลา กาเตดรัล คือ คุก ที่เอสโกบาร์ ถูกคุกขังหลังจากได้รับโทษจำคุก นอกจากยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกอย่างแล้ว อีกหนึ่งความคลั่งไคล้เข้าเส้นเลือดของเอสโกบาร์ก็คือ “ฟุตบอล” เขาทั้งเป็นนักฟุตบอล ทั้งติดตามข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับวงการลูกหนัง รวมถึงเข้าชมการแข่งขัน เงินส่วนใหญ่ของเอสโกบาร์ก็เอาไปลงกับฟุตบอลเช่นกันทั้งสร้างสนามฟุตบอลในเมืองเมเดยีน เพิ่มโอกาสให้ชาวเมือง อีกทั้งยังสานต่อความฝันให้เหล่านักเตะ เส้นทางสู่ความฝันที่สำเร็จก็ล้วนแล้วแต่มาจากสนามฟุตบอลเล็กๆทั้งนั้น
อย่าง Rene Higuita นักเตะชาวโคลัมเบีย ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเอสโบการ์ว่าเขาเปรียบเหมือนพ่อคนที่สองของตน หรือแม้แต่ Francisco Maturana อดีตนักเตะทีมชาติโคลอมเบียก็ใช้สนามดังกล่าวในการบ่มเพาะตนขึ้นมาเช่นกัน ยังมีเรื่องราวของนักเตะระดับโลกอีกมากมายที่เว็บไซต์KUBET ได้เก็บรวบรวมข้อมูล ประวัติความเป็นมา รวมถึงเรื่องราวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ อัพเดทแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง
"ทุกคนพูดถึงคนที่บริจาคเงินสร้างสนาม และตำหนิเขาว่าเป็นเจ้าพ่อยาเสพติด แต่สำหรับเรา เรารู้สึกโชคดีมากที่มีสนามเหล่านี้ " เลโอเนล อัลวาเรซ นักเตะเจ้าของสถิติลงเล่นให้ทีมชาติโคลอมเบีย
เอสโกบาร์ยังคงลงทุนให้กับฟุตบอลในเมืองเมเดยีนอย่างต่อเนื่อง เขาส่งเสริมสโมสรฟุตบอลทั้งสองสโมสรในโคลอมเบียจนก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลระดับโลกได้ในปัจจุบัน
"ผมยอมรับว่าการนำเงินจากยาเสพติดมาใช้กับฟุตบอลอาจเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลนัก แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เรานั่นมีนักเตะที่เก่งขึ้น ทักษะของพวกเราดีขึ้นตามลำดับ ผู้คนมักจะลงความเห็นกันว่าโกบาร์มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พวกเขาก็ทำได้แค่พูดออกมาเท่านั้น พวกคนเอาแต่พูดในสิ่งที่ตนคิดว่ามันไม่ถูกแทนที่จะมองเห็นโอกาสและความฝันที่สูงกว่านั้น" ฟรานซิสโก้ มาตูราน่า ที่เคยคุมนาซิอองนาลควบทีมชาติโคลอมเบียในช่วงปี 1987-1990
อีกหนึ่งความบันเทิงของเอสโกบาร์ระหว่างการถูกจับคือ การเชิญนักฟุตบอลระดับอาชีพเข้ามาร่วมเล่นฟุตบอลด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ “ดิเอโก มาราโดนา” แน่นอนว่าคำสั่งของเขาเป็นเอกฉันท์ ไม่ว่านักฟุตบอลคนนั้นจะติดภารกิจการแข่งขันระดับโลกอยู่ก็ตาม จำเป็นที่จะต้องเลื่อนการแข่งขันระดับโลกออกไปก่อนเพื่อมาลงนามกับเอสโกบาร์
"ผมเคยได้รับคำเชิญจากพ่อค้ายาคนนี้ เป็นวันที่จำได้ไม่ลืม การซ้อมของพกวเราถูกยกเลิกทั้งหมดเพื่อเดินทางไปลา กาเตดรัล ทันทีที่ผมเห็นเขาก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เราพูดกันแต่เรื่องฟุตบอล เขามีข้อมูลเรื่องฟุตบอลมากจริงๆ เขาดูเกมการแข่งขันของผมทั้งหมด " Oscar Pareja นักฟุตบอล ชาวโคลอมเบีย
อย่างไรก็ดี ราชาโคเคน ก็ยังคงปฏิบัติตัวที่ลุกล้ำข้อตกลงของเขากับรัฐบาลทำให้เขาถูกตัดสินโทษอีกครั้งโดยการย้ายไปอยู่เรือนจำกลาง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดของเอสโกบาร์ทั้งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และยากที่จะลอกเลียนแบบ ถึงอย่างนั้นก็ยังแฝงข้อคิดเอาไว้ไม่น้อยขึ้นอยู่กับผู้สืบค้นข้อมูลว่าต้องการเสพเรื่องราวให้ได้ประโยชน์ในทิศทางไหน KUBET สนับสนุนให้ทุกคนศึกษาข้อมูลอย่างมีสติ คิด วิเคราะห์ และแยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้ด้วยตัวของท่านเอง โปรดใช้วิจารณญาณ