คงไม่มีใครไม่รู้จักท่าดีใจในตำนานของ “ร็อบบี้ ฟาวเลอร์” วันนี้ KUBET จะพาเพื่อนๆย้อนรอยประวัติศาสตร์ลูกหนังไปดูท่าดีใจสุดอื้อฉาวที่เคยเกิดขึ้นในจักรวาลฟุตบอล ที่ไม่มีใครคาดคิดว่านักค้าแข้งตัวเทพอย่างร็อบบี้จะสร้างสรรค์ท่าดีใจสุดจี๊ด ที่สร้างภาพจำให้แฟนบอลมาจนถึงปัจจุบัน และสำหรับจุดเริ่มต้น ที่มา รวมถึงแรงบันดาลใจในการแสดงออกของเขามาจากไหน ร่วมหาคำตอบไปกับเคยูเบทได้เลย
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
อดีตนักฟุตบอล และ ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ ตำนานนักค้าแข้งผู้ยังถูกจารึกชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถิติผู้เล่นที่ทำประตูได้สูงสุดตลอดกาลในศึกพรีเมียร์ลีกเป็นอันดับที่ 6 (162 ประตู) ย้อนกลับไปในช่วงที่เขาเติบโต ภายในเมืองท็อกซ์เทท ประเทศอังกฤษ เมืองทางตอนใต้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลิเวอร์พูลเพียงแค่ 1 ไมล์เท่านั้น สำหรับวสภาพแวดล้อมของเมืองท็อกซ์เทท ต้องบอกเลยว่ายิ่งกว่าสลัม ย่านเมืองเสื่อมโทรม เต็มไปด้วยอาชญากร หัวขโมย ความรุนแรง ยาเสพติด และการค้าประเวณี
ร็อบบี้เคยให้สัมภาษณ์ว่าในตอนที่เขาเป็นเด็ก เขาไม่ได้มองว่าเมืองที่เขาอยู่เลวร้ายขนาดนั้น ทว่าในตอนที่เขาสามารถฉุดรั้งตัวเองขึ้นมายืนอยู่ในจุดที่แตกต่าง และได้พาครอบครัวออกมาจากวงเวียนดังกล่าวได้สำเร็จ เมื่อมองย้อนกลับไป เขารู้สึกโชคดีจริงๆ ที่สามารถหลุดออกมาจากวงโคจรพวกนั้นได้ แน่นอนว่ามีนักเตะมากมายที่เติบโตมาจากสลัม และสถานที่ที่ไม่ได้รองรับการเติบโตที่ดีนัก ทว่าพวกเขาก็พร้อมที่จะเปิดเผยอย่างไม่อายว่าพวกเขามาจากที่ใด แต่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ไม่ได้คิดเช่นนั้น
“ผู้คนมักจดจำภาพแย่ๆของท็อกซ์เททได้อย่างชัดเจน เมืองที่เต็มไปด้วยปัญหา ผู้คนในเมืองก็มีปัญหา เด็กที่เติบโตมาจากที่นี่ แทบไม่มีใครมีคุณภาพชีวิตที่ดีเลยสักคน ทุกที่เต็มไปด้วยยาเสพติด แต่ที่นั่นมีอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นเหมือนโลกอีกใบของผม มันคือสนามฟุตบอลที่ตั้งอยู่ท้ายซอยบ้าน ตรงข้ามโรงเรียน ผมใช้ชีวิตที่นั่นตั้งแต่เช้า กลางวัน เย็น พ่อผมให้การสนับสนุนเต็มที่ พร้อมกับพาผมไปเล่นฟุตบอลทุกวัน” ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
เด็กชายผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก เขาถนัดเท้าซ้ายในการเตะฟุตบอลแถมยังใช้มันได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่ากลับใช้เท้าขวาได้ไม่ดีนัก ทำให้พ่อของเขามีส่วนช่วยในการฝึกซ้อมมากขึ้น สำหรับการฝึกใช้เท้าขวาให้ดีเช่นกัน การฝึกฝนอย่างหนักตั้งแต่เด็ก ทำให้ความสำเร็จวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว ในปี 1993 เขาได้รับคำเชิญจากสโมสรใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ในการเข้าร่วมทดสอบฝีเท้า
การย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูลทำให้ร็อบบี้ได้เจอกับสตีฟ แม็คมานามาน ตัวตึงตำแหน่งปีกของลิเวอร์พูลในตอนนั้น ทั้งสองสนิทสนมกันมากเนื่องจากมีความชื่นชอบที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงการเติบโตจากแหล่งที่มาที่คล้ายกันอีกด้วย พวกเขาทำอาชีพค้าแข้งกันต่อไปกับลิเวอร์พูล ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไปได้สวยจนกระทั่งชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดัง
ชื่อที่โดนขุดคุ้ย
หลังจากได้รับความนิยม จากทักษะ ฝีเท้าที่ได้แสดงออกไปให้แฟนบอลได้รับชม จึงมีคนสนใจเรื่องราวของเขามากขึ้นจนความจริงที่ว่าเขามาจากเมืองท็อกซ์เทท ก็ถูกเปิดเผย พร้อมเสียงที่แตกออกทันที ความเห็นเชิงลบส่วนใหญ่ตีตราเขาว่าเป็นพวกขี้ยาเหมือนชาวเมืองที่เขาเคยอยู่ พลางใส่ร้ายเขาต่างๆ นานา เรื่องที่เขาวิ่งได้อย่างรวดเร็ว และแข็งแรงในสนามก็เพราะการเสพยามาก่อนลงสนาม
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นล้วนมาจากผู้คนที่ไม่หวังดี จ้องแต่จะทำให้เขารู้สึกแย่ และคนดีๆ ก็คงไม่ตัดสินเขาเพียงแค่นั้น ร็อบบี้ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ เขารู้แค่นั้น และสิ่งที่เขารู้อีกอย่างคือเขาเกลียดยาเสพติด เขาสูญเสียญาติไปเพราะยาพวกนั้น และเขาไม่มีวันใช้มันเพื่อทำลายความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ข่าวลือพวกนั้นกลับไม่ได้น้อยลง แถมยังทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
จุดเริ่มต้นของกลุ่มแฟนบอลเอฟเวอร์ตันที่ไม่ได้ชื่นชอบเขา สร้างข่าวลือขึ้นพร้อมขายต่อให้สื่อประโคมข่าวมากขึ้นไปอีก เรื่องราวที่ร็อบบี้เป็นคนติดยา ถูกกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาแต่อย่างใด เนื่องจากฟุตบอลอาชีพมีการตรวจร่างกายอยู่เสมอ แต่การกระทำไร้มนุษยธรรมเหล่านั้นกลับส่งผลต่อพ่อของเขา ร็อบบี้ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังว่า
“ผมและครอบครัวเชียร์เอฟเวอร์ตันมาทั้งชีวิต พ่อของผมเติบโตด้วยการมอบหัวใจให้กับสีน้ำเงิน แต่ตอนนี้ พวกเราพอแล้ว พ่อของผมอายมากหากจะต้องบอกคนอื่นว่าเคยเชียร์เอฟเวอร์ตันมาก่อน” ร็อบบี้ ฟาวเลอร์.
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ท่าดีใจในตำนาน
ในวันที่ 3 เมษายน 1999 เป็นศึกการเจอกันของลิเวอร์พูลที่เปิดบ้านต้อนรับเอฟเวอร์ตัน ก่อนเริ่มเกม 1 สัปดาห์ ร็อบบี้ถูกแฟนบอลเอฟเวอร์ตันโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทั้งด่าทอเรื่องที่เขาไม่ได้ทำสารพัด อีกทั้งยังก่อความวุ่นวายให้เขาไม่หยุด จนกระทั่งศึกของการแข่งขันก็มาถึง เอฟเวอร์ตันขึ้นนำลิเวอร์พูลก่อน 1 ประตูต่อ 0 ทว่านาทีที่ 15 ลิเวอร์พูลก็ได้จุดโทษและร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เป็นคนยิงประตูในเกมนั้น
เขาทำประตูให้ลิเวอร์พูลตีเสมอ 1 ต่อ 1 ได้อย่างสวยงามก่อนจะใส่เกียร์หมาวิ่งไปหาแฟนบอลฝั่งเอฟเวอร์ตันพร้อมกับท่าดีใจด้วยการทิ้งตัวลงข้างสนามฟุตบอลตรงเส้นขอบสีขาว จากนั้นพี่แกก็ใช้นิ้วชี้กดจมูกเอาไว้นึงข้างพร้อมทำท่าสูดผงขาวข้างสนามเข้าจมูกดังปืดดด สมองโล่ง ชื่นใจกันเลยทีเดียว หลายคนที่เห็นก็รู้ได้เลยว่าเขากำลังทำท่าสูดโคเคน นั่นทำให้เพื่อนรักอย่าง สตีฟ แม็คมานามาน รีบมาดึงเพื่อนขึ้นทันที ทว่าเขาก็สะบัดเพื่อนออกก่อนจะทำให้แฟนบอลเอฟเวอร์ตันดูอีกสักรอบ
การแข่งขันครั้งนั้นจบด้วย เอฟเวอร์ตันชนะ 3 ต่อ 2 โดยร็อบบี้ก็เป็นคนยิงประตูที่สองให้ลิเวอร์พูลอีกครั้ง แต่กลับไม่มีใครพูดถึงชัยชนะของเอฟเวอร์ตันเลยแม้แต่ครอบครัวของร็อบบี้ก็ลืมผลลัพธ์ไปสะหมดสิ้นเพราะท่าดีใจของเขาแย่งพื้นที่สื่อหมดแล้วทุกสำนัก
และนี่ก็คือเรื่องราวในตำนานที่เคยโด่งดังกับนักเตะระดับโลกอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ แน่นอนว่านี่เป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม เขาโดนแบนการลงสนามกับลิเวอร์พูลยาวจนจบฤดูกาล ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับผลของการกระทำอย่างเต็มใจ สามารถติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET