สวัสดีครับ โฉมหน้าใหม่ของรูปแบบการเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกจะเป็นอย่างไร วันนี้พวกเราKUBET จะพาทุกคนไปดูรูปแบบการเล่นในอดีตต่อจากพาร์ทที่แล้ว รวมถึงรูปแบบการเล่นแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนในฤดูกาล2024-2025นี้ด้วย จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยครับ
ฤดูกาล 1996 – 1997
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สามารถคว้าแชมป์ยุโรป แต่พวกเขาจบแค่อันดับสามในบุนเดสลีกา ทำให้เยอรมนีเป็นชาติแรกที่ส่งทีมเข้าแข่งแชมเปียนส์ลีกมากถึง 3 ทีมในฤดูกาลเดียว ดอร์ทมุนด์ได้เข้ารอบแบ่งกลุ่มทันทีในฐานะแชมป์เก่า ส่วนอีกสองโควตาคือบาเยิร์นมิวนิคที่ได้แชมป์บุนเดสลีกาและไบเออร์เลเวอร์คูเซ่นที่คว้าอันดับ2
ฤดูกาล 1997-1998
นับว่ายังถือเป็นฤดูกาลแรกที่ยูฟ่าให้สิทธิ์ทีมตกรอบคัดเลือกแชมเปียนส์ลีก โอกาสไปต่อในถ้วยยูฟ่าคัพด้วย ฤดูกาล 1997-1998 จนถึง 1998-1999 รูปแบบการแข่งขันของแชมเปียนส์ลีก 24 ทีมในรอบแบ่งกลุ่ม โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ให้แชมป์กลุ่มจาก 6 กลุ่มเข้ารอบโดยอัตโนมัติ และคัดทีมรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุดอีกสองทีมตามเข้ารอบ ส่วนรอบน็อคเอาท์จะเริ่มตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป
ฤดูกาล 1999 – 2000
ฤดูกาลนี้ได้มีการปรับรูปแบบครั้งใหญ่อีกครั้ง ให้มีทีมในรอบแบ่งกลุ่มมากถึง 32 ทีม และเพิ่มจำนวนสโมสรจากลีกใหญ่ๆให้มากขึ้น จนถึงปี 2003 ในรอบแบ่งกลุ่มจะมีทั้งหมด2รอบ รอบแบ่งกลุ่มรอบแรกจะมี 32 ทีม แบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ให้แชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มเข้ารอบ ส่วนในรอบแบ่งกลุ่มรอบสองจะมี 16 ทีม แบ่งเป็น 4กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม จากนั้นรอบน็อคเอาท์จะเริ่มตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป
ฤดูกาล 2003-2004
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-2004 จนกระทั่งถึงฤดูกาลปัจจุบัน 2023-2024 ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้กลายเป็นแบบที่ทุกคนคุ้นเคย นั่นคือรอบแบ่งกลุ่มจะมีทั้งหมด 32 ทีม แบ่งออกเป็น 8 กลุ่มกลุ่มละ 4 ทีม ซึ่งทีมแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มจะได้ผ่านเข้ารอบ โดยรอบน็อคเอาท์จะเริ่มขึ้นตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป
KUBET นับตั้งแต่นั้นก็ได้ใช้รูปแบบนั้นเป็นต้นมา จนกำลังจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในครั้งใหม่อันใกล้นี้
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่
นับตั้งแต่ฤดูกาล2024-2025 เป็นต้นไป ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกจะมีการปรับรูปแบบการแข่งขันใหม่อีกครั้ง โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่มีรอบแบ่งกลุ่ม จากเดิมเมื่อจบรอบคัดเลือกและรอบเพลย์ออฟ จะมีทีมในการแข่งขันทั้งหมด 32 ทีม ตั้งแต่ซีซั่นหน้าจำนวนทีมจะกลายเป็น 36 ทีม และทั้งหมดจะจัดอยู่ในลีกเดียวกัน แต่จะมีการแบ่งออกเป็น 4 โถ โถละ 9 ทีม
โถแรกจะประกอบด้วยแชมป์ยุโรปประจำฤดูกาล 2023-2024 ตามด้วยอีก 8 ทีมที่แรงกิ้งที่ดีที่สุด จากนั้นอีกสามโถที่เหลือจะจัดลำดับตามแรงกิ้งสโมสรของยูฟ่าเมื่อฤดูกาลนี้สิ้นสุด สาเหตุที่ต้องมีการแบ่งโถ แม้จะไม่มีรอบแบ่งกลุ่ม แต่เพื่อให้เกิดความสมดุลของโปรแกรมการแข่งขัน ทุกทีมจะต้องพบกับคู่แข่งจากทั้ง 4 โถ โถละ2ทีม ซึ่งการเจอคู่แข่งในแต่ละโถทุกทีมจะเล่นในบ้าน 1 นัด และออกไปยืนอีก 1 นัด
สรุปแล้วโปรแกรมการแข่งขันในรอบนี้เรียกว่ารอบลีก ทุกทีมจะได้ลงเตะทั้งหมด 8 นัด และทั้ง 8 นัดจะได้พบกับคู่แข่งที่ไม่ซ้ำกันเลย รูปแบบการแข่งขันนี้จะเรียกว่า Swiss system โดยทุกทีมจะไม่ต้องพบกันหมด แต่ละทีมจะเจอโปรแกรมแข่งไม่เหมือนกัน แต่แต้มที่เก็บได้จะถูกจัดอันดับบนตารางคะแนนเดียวกัน
นัดสุดท้ายของรอบลีกจะมีทั้งหมด 18 คู่ ทุกคู่จะแข่งพร้อมกัน ในวันเวลาเดียวกันทั้งหมด เมื่อทุกทีมแข่งรอบลีกครบ 8 นัดแล้ว ทีมที่อยู่อันดับ1-8 จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์โดยอัตโนมัติ ส่วนทีมที่อยู่อันดับที่ 9-24 จะต้องจับสลากเพลย์ออฟ เพื่อหาอีก 8 ทีม ตามเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย นับตั้งแต่ซีซั่น 2024-2025 เป็นต้นไปทุกคนจะได้เห็นเส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศล่วงหน้าตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยทุกคนจะได้รู้ก่อนว่าทีมไหนผ่านเข้ารอบต่อไปได้แล้ว จะต้องพบกับผู้ชนะระหว่างทีมใดกับทีมใด ทำให้เราอาจจะคาดเดาคู่ชิงชนะเลิศกันได้ก่อน
เหตุผลที่ยูฟ่าเพิ่มจำนวนทีม
หลายคน มีคำถามว่าทำไมยูฟ่าถึงต้องเพิ่มจำนวนทีมและเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน นั่นเป็นเพราะเขาโดนกดดันจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ที่เคยมีความคิดจะแยกออกไปตั้งซูเปอร์ลีก ยูฟ่าจำเป็นต้องหาทางให้ทีมยักษ์ใหญ่มีรายได้มากขึ้น และมีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งรูปแบบการแข่งขันใหม่นี้จะทำให้โปรแกรมการแข่งขันเพิ่มขึ้นมาอีก อย่างน้อยทีมละ 2 นัด และโอกาสที่ทีมใหญ่จะได้พบกันจะกลายเป็นเรื่องปกติ โดยถ้าเป็นรูปแบบการแข่งขันเดิม ทีมจากโถเดียวกันจะไม่พบกันเอง และมันเป็นการการันตีว่าจะมีบิ๊กแมตช์ให้ดูโดยไม่ต้องรอถึงรอบลึกๆ อีกต่อไป
นอกจากนั้นการที่แต่ละทีมเจอโปรแกรมการแข่งไม่เหมือนกันและอยู่ในลีกเดียวกันทั้งหมดจะทำให้ไม่เกิดเกมที่ไร้ความหมายในนัดท้ายๆ จากเดิมทีมใหญ่มักจะทำแต้มขาดลอยในรอบแบ่งกลุ่มจนส่งนักเตะตัวสำรองลงเล่นในเกมสุดท้าย โดยถ้าเป็นรูปแบบใหม่จะประมาทไม่ได้เลย เพราะมีโอกาสที่จะโดนทีมอื่นทำคะแนนแซงได้ทุกเมื่อ ทุกทีมต้องพยายามขึ้นไปอยู่ใน 8 อันดับแรกของตารางให้ได้ เพื่อการันตีว่าไม่ต้องไปเพลย์ออฟ ส่วนทีมที่ต้องดิ้นรนเข้ารอบก็อาจมีลุ้นจนถึงนัดสุดท้าย
สิ่งที่แฟนบอลหลายคนสงสัยคือ 4 โควตาที่ถูกเพิ่มขึ้นมา จะนำไปมอบให้กับทีมจากลีกไหน
โควตาที่หนึ่ง จะให้กับทีมที่คว้าอันดับ3 จากลีกที่อยู่ในแรงกิ้งอันดับที่5 ของยูฟ่า ปัจจุบันคือลีกเอิงของฝรั่งเศส ทำให้ทีมที่จบอันดับ3 ของลีกเอิงฤดูกาลนี้จะได้เข้ารอบลีกทันทีโดยไม่ต้องไปเพลย์ออฟ
โควตาที่สอง จะนำไปเพิ่มโอกาสให้กับทีมแชมป์จากลีกเล็กๆ ให้มีโอกาสเข้ารอบหลักได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นลีกเซอร์เบียร์, สวิตเซอร์แลนด์, ตุรกี, โครเอเชีย, เบลเยียม หรือเดนมาร์กเป็นต้น
โควตาที่สามและสี่ จะถูกมอบให้กับสองลีกที่มีคะแนนสะสมดีที่สุดจากผลงานในเวทียุโรปฤดูกาลนี้ และตอนนี้ยังไม่มีอะไรการันตีว่าลีกไหนจะมีคะแนนสะสมในเวทียุโรปดีที่สุดของฤดูกาลนี้ทั้งหมด ต้องรอดูบทสรุปของถ้วยแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่า ยูโรป้าลีกและยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก ตอนจบซีซั่นนี้กันเลย
KUBET – เว็บไซต์ให้คำปรึกษาข่าวฟุตบอล ข้อมูลฟุตบอลอัปเดตแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณเรียนรู้เกมฟุตบอลล่าสุดและครอบคลุมที่สุด คะแนนฟุตบอล ลีกฟุตบอล สโมสรฟุตบอล และข้อมูลฟุตบอลโลก รวมถึงข้อมูลอื่นๆที่คุณอยากรู้ เช่นประวัติความเป็นมาของสโมสร หรือที่มาที่ไปของโลโก้แต่ละสโมสร โดยไม่ต้องออกจากบ้าน