เรื่องราวของ “โทนี่ โครส” ต่อจาก EP.1 การเปลี่ยนแปลงสู่ตำนานบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ประโยคทิ้งท้ายที่จุดไฟในใจจนทำให้โครสตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่จะเป็นอย่างไร? ติดตามรับชมต่อที่ KUBET
จากจุดพีคสู่จุดแตกหัก
จนถึงจุดที่พีคมากที่สุดนั่นคือ ในปี 2014 ในศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล ที่เขาเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติเยอรมันไปได้ไกลถึงการคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ และเขายังเป็นนักเตะชาวเยอรมัน ฝั่งตะวันออกเพียงคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้

แต่แล้วในปีเดียวกัน โทนี่ โครส ก็ได้สร้างรอยร้าวให้กับสโมสรบาเยิร์นมิวนิกที่เป็นต้นสังกัด มันคือรอยร้าวที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางอาชีพของโครสไปสู่การแตกหักอย่างน่าใจหาย
หลังจากจบศึกฟุตบอลโลก โทนี่ โครส กลับมายังสโมสรอีกครั้ง พร้อมกับการเจรจาสัญญาฉบับใหม่แต่ก็ไม่สามารถหาจุดลงตัวได้ และในทางกลับกันนั้น บาเยิร์นได้ทำการเติมเต็ม มาริโอ เกิทเซ เข้ามาสู่ทีม พร้อมกับค่าเหนื่อยมหาศาล ซึ่งโครสมองว่าเขาก็ควรจะได้รับค่าเหนื่อยในระดับเดียวกันบ้าง แต่เมื่อเขาไปเจรจาอีกรอบ กลับกลายเป็นว่า การคุยกันรอบนี้มันเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

โดย CEO ในตอนนั้นได้ออกมาบอก โทนี่ โครส ว่า “พูดตามตรงนะ เราไม่สามารถให้ตามที่คุณขอได้ เพราะคุณยังไม่ได้เป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาสเลย” ซึ่งประโยคนี้เองมันไปกระแทกใจของโครสเข้าอย่างจัง เขาจึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทัพเสือใต้ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเองนี่แหละ คือนักเตะเวิลด์คลาสตัวจริง
และแล้วช่วงเวลาที่เขาเฉิดฉายก็มาถึง เมื่อยักษ์ใหญ่จากสเปนอย่าง “เรอัลมาดริด” ให้ความสนใจในตัวของโครสและคว้าเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 25 ล้านยูโร

ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET
คำดูถูกสู่แข้งระดับเวิลด์คลาส
การมาอยู่กับ ‘ราชันชุดขาว’ เรอัลมาดริด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ โทนี่ โครส สักเท่าไหร่ เนื่องจากในปีนั้น เรอัลมาดริดได้เซ็นสัญญาคว้าตัว ฮาเมส โรดริเกซ เข้าสู่ทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 80 ล้านยูโร แต่นั่นก็กลายเป็นข้อดีของโครส เพราะเขาไม่ต้องกดดันตัวเอง หรือ แบกความคาดหวังจากแฟนบอลมากเท่าที่ควร เขาเพียงแค่ต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าเขานี่แหละ มีดีพอสำหรับเรอัลมาดริด

และด้วยปรัชญาของคนเยอรมันตะวันออกที่ปลูกฝังเรื่องการทำสมาธิ การต่อสู้และการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค มันทำให้เขาซ้อมอย่างหนักหน่วงและสามารถใช้สไตล์บอลของตนเองในการพิสูจน์ฝีเท้า
ด้วยสไตล์ที่เป็นตัวเชื่อมเกมของทีม โครสไม่ใช่มิดฟิลด์ที่ใช้พลังงานในการเล่น แต่ใช้เซนส์บอลในการอ่านเกมและยืนตำแหน่งให้ถูกที่ ถูกเวลา เมื่อสามารถตัดเกมได้ เขาสามารถเปลี่ยนเกมจากรับให้กลายเป็นรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่มีช็อตที่หวือหวา มีแต่ความเรียบง่าย แต่ได้ผลเสมอ ด้วยการจ่ายบอลแม่นยำ โดยมีค่าเฉลี่ยความแม่นยำไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่กับราชันชุดขาว ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขาสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่า เขาคือแข้งระดับโลกของจริงและยังคงเป็นคนสำคัญของทีมมาตลอดทุกยุคทุกสมัย เขากลายเป็นที่ยอมรับและเคารพยกย่องในบรรดานักเตะหลายๆคน รวมไปถึงโค้ชหลายๆคนที่ร่วมงานกับเขา

ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET
ครั้งหนึ่ง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของทีมเคยเอ่ยปากชื่นชม โดยเขาระบุว่า
“โทนี่ โครสหรอ ผมไม่มีคำพูดอะไรสำหรับเขาเลย นอกจากว่าเขาคือนักเตะระดับท็อปของทีมแล้ว เขายังมีความสำคัญต่อเรอัลมาดริดอย่างมาก การจ่ายบอลของเขาเนี่ย มันช่างสุดยอดไปเลย และไม่มีใครที่สามารถทำได้แบบเขา ไม่มีใครเลียนแบบโทนี่ โครสได้เลย”

รวมไปถึง ซีเนดีน ซีดาน โค้ชอีกท่านหนึ่งยังออกมายอมรับว่า สมัยที่เขายังคุมราชันชุดขาว ‘โทนี่ โครส คือ The Best! เขาคือที่หนึ่งตลอดกาล’
“ตอนผมเข้ามาคุมทีมเนี่ย ผมดีใจมากที่ได้เป็นโค้ชของโทนี่ โครสนะ มันคือเรื่องจริง ในตอนที่ผมรีไทร์ออกจากวงการฟุตบอล ผมพูดได้ว่าพูดเนี่ยแหละ เคยฝึกโรนัลโด แต่ผมก็พูดได้ว่า ผมเองก็เคยเป็นโค้ชให้กับโทนี่ โครส มันคือความภาคภูมิใจของผม เขาจะได้รับการจดจำในฐานะนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดในโลก”

จากปากคำชื่นชมของโค้ช มันแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ โทนี่ โครส พยายามมาโดยตลอดคือการไต่ไปให้ถึงระดับโลก ตั้งแต่บาเยิร์นมิวนิกจนถึงเรอัลมาดริด มันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขานี่แหละ “นักเตะระดับเวิลด์คลาส” ของจริง
ติดตามรับชมเรื่องราวของ “โทนี่ โครส” มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล EP.3 ผ่านทางเว็บไซต์ KUBET World ให้คุณอัพเดทข่าวสารฟุตบอลก่อนใครแบบเรียลไทม์ โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลแบบจัดเต็ม ประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ พร้อมรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกแมตช์จนจบฤดูกาล เพียงเป็นสมาชิกเคยูเบท ลุ้นเกมเดิมพันสุดมันส์และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สมัครเลย!