KUBET FOOTBALL กับเรื่องราวในสนามฟุตบอลโลก และคำถามที่ว่า ทำไม ฟุตบอลบราซิล กับ อาร์เจนตินา ถึงไม่ถูกโลกกัน ชนวนความขัดแย้งที่มีมากกว่าเรื่องของฟุตบอลจริงหรือไม่ หรือการปลูกฝังความเชื่อแบบผิดๆ เป็นบ่อเกิดของความไม่ลงรอยกันในครั้งนี้ รวมค้นหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลยกับเคยูเบท
ย้อนรอยประวัติศาสตร์

ศตวรรษที่ 19 ทั้งบราซิลและอาร์เจนตินา ได้ประกาศตั้งตนเป็นประเทศอย่างเป็นทางการ โดยได้รับการยอมรับจากนานาชาติซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองเป็นเพียงแค่รัฐในอาณานิคมของมหาอำนาจจากยุโรป เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 1810 ประเทศอาร์เจนติน่าประกาศตัวเป็นเอกราชจากสเปน และวันที่ 7 ก.ย.1822 บราซิลก็ได้ประกาศตัวเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักรโปรตุเกส ทั้งสองประเทศเพียงประเทศในอาณานิคม ซึ่งไม่ได้มีปัญหา หรือความขัดแย้งต่อกันแต่อย่างใด
ภายใต้การปกครองของเจ้าอาณานิคมชาวยุโรป กับการทำ “สนธิสัญญาตอร์เดซิยัส” ในเรื่องของการแบ่งพื้นที่กันอย่างชัดเจนและเป็นการยืนยันว่าทั้งสองประเทศจะไม่ทำสงครามเพื่อแย่งชิงพื้นที่ของกันและกัน จากสนธิสัญญาดังกล่าว ทำให้โปรตุเกสมีโอกาสได้เข้าไปยึดดินแดนทางตอนใต้ของบราซิลได้สำเร็จ ขณะที่สเปนได้เข้าไปยึดพื้นที่ฝั่งตะวันตกของอาร์เจนตินาเอาไว้ ก่อนจะเริ่มการปลูกฝังวัฒนธรรมต่างๆให้แก่ชนพื้นเมืองของพวกเขา ทว่าหลังจากนั้นไม่นานที่สองประเทศได้ประกาศเอกราชจึงเกิดดินแดนทับซ้อนขึ้น เกิดการแย่งชิงพื้นที่กันเกิดขึ้นทันที

นั่นทำให้ศตวรรษที่ 19 ทั่วทั้งอเมริกาใต้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น หรือที่รู้จักกันว่า “สงครามซิสพาทีน” เป็นสงครามระหว่างชาติอาร์เจนติน่าและบราซิล ที่ทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำริโอ เดอ ลา พลาตา ที่เดิมทีปกครองโดยบราซิล สงครามที่กินเวลาไปเกือบ 3 ปี จนอาร์เจนติน่าสามารถยึดดินแดนส่วนใหญ่ได้ ก่อนจะมีการประท้วงให้มีการยุติสงครามก่อให้เกิด “สนธิสัญญามอนเตวิเดโอ” ขึ้น
สัญญาที่ทั้งสองฝ่ายลงสนามสงบศึกกันพร้อมปลดปล่อยจังหวัดซิสพาทีนให้เป็นเอกราชจนกลายเป็นประเทศอุรุกวัยในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีการประกาศตัวเป็นเอกราชของอุรุกวัย ยังคงสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งสองประเทศอยู่ร่ำไป อีกทั้งยังมีการแทรกแซงทางการเมืองของผู้นำเผด็จการอาร์เจนติน่า ที่ยังอยากจะได้พื้นที่บางส่วนของอุรุกวัยอยู่ ก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองอุรุกวัยอีกครั้ง
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)

สงครามอ่าวปลาติเน่ เป็นสงครามที่อาร์เจนติน่าบุกดินแดนดังกล่าว อุรุกวัยจึงหันไปจับมือกับบราซิลเพื่อขับไล่อำนาจเผด็จการออกไปจากพื้นที่ของพวกเขา นั่นทำให้สงครามจบลงอย่างรวดเร็วในปี 1852 อาร์เจนติน่าพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้ ทั้งเศรษฐกิจและการเป็นอยู่ของบราซิลและอุรุกวัยได้รับการช่วยเหลือให้มั่นคงและรุ่งเรืองที่สุดในอเมริกาใต้ยุคนั้น
ในปี 1864 – 1870 เกิดสงครามปารากวัยขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้หลายประเทศได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของบราซิล โดยสงครามเกิดขึ้นจากการร่วมมือของอาร์เจนติน่า และอุรุกวัย ในการตอบโต้การรุกรานของปารากวัยที่เขามาบุกรุกประเทศของพวกเขา การชนะสงครามครั้งนี้ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างเต็มตัว
เห็นได้ชัดว่าช่วงหลังอาร์เจนติน่าหลีกเลี่ยงการทำสงครามโดยตรงกับชาติบราซิล นั่นทำให้การความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์บ้านเมืองในอเมริกาใต้ ที่ทั้งรักทั้งเกลียดในเวลาเดียวกัน

ในศตวรรษที่ 20 แม้บราซิลจะพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจแต่เรื่องทหารก็ต้องยกให้อาร์เจนติน่าที่นำหน้าไปไกลกว่า พร้อมประกาศนโยบายที่สร้างความเกลียดชังให้กับชาวบราซิลอย่างชัดเจน โดยการปลูกฝังให้เหล่าทหาร เชื่อมั่นว่า ชาติบราซิลเป็นชนชาติที่ต่ำกว่า พร้อมคัดแยกคนที่พูดภาษาโปรตุเกสออกจากกองทัพเหลือแค่คนที่พูดภาษาสเปนเท่านั้น เช่นเดียวกันกับบราซิลที่ออกกฎหมายการห้ามพูดถึงสงครามที่เคยพ่ายให้อาร์เจนติน่า
อย่างไรก็ดี ต่อให้จะมีความตึงเครียดห้ำหั่นกันอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยเปิดศึกต่อกันโดยตรงเลยสักครั้ง เนื่องจากมีปัญหาภายในประเทศอีกมากมายที่พวกเขาต้องจัดการ แต่อย่างไรก็ดี พวกเขายังคงแข่งขันกันและสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือชัยชนะใน “ศึกฟุตบอลโลก”
(ติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลได้ทางเว็บไซต์ KUBET)
ศึกฟุตบอลโลก

ในปี 1950 บราซิลได้รับสิทธิ์ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก พวกเขาสร้างสนามฟุตบอลขึ้นมาใหม่ มีชื่อว่า “Maracana Stadium” สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 2 แสนคน แม้จะพ่ายแพ้ให้กับอุรุกวัยทำให้ไม่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกแต่ก็เป็นการประกาศศักดาว่าพวกเขายังคงยิ่งใหญ่แม้อยู่ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระดับโลก
ในปี 1958 จุดเริ่มต้นของการคว้าแชมป์ทีมชาติของบราซิลที่หลังจากนั้นพวกเขาก็คว้าแชมป์ได้อย่างต่อเนื่อง จนกำเนิดนักบอลที่ดีที่สุดอย่าง “เปเล่” บราซิลไปไกลมากแล้วสำหรับวงการลูกหนังขณะที่อาร์เจนติน่าเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในปี 1978 พร้อมสร้างความวุ่นวายทันที เนื่องจากอาร์เจนติน่าปกครองด้วยระบบเผด็จการทหารทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นมากมายในตอนที่ได้รับสิทธิ์ให้เป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ดี ในปีนั้น อาร์เจนติน่าสามารถเป็นแชมป์โลกได้
ในปี 1986 อาร์เจนติน่าได้ประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งกับการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกพร้อมให้กำเนิดนักเตะที่ทรงคุณค่าที่สุดอย่าง “ดิเอโก มาราโดนา” การแข่งขันกันของทั้งสองประเทศยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งการเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตย นั่นทำให้สงครามทั้งหมดถูกยุติลงทันที

และนี่ก็คือเรื่องราวความขัดแย้งทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นกับอาร์เจนติน่า และ บราซิล บทสรุปที่ย้อนกลับไปมองแล้วก็พบว่าสงครามทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากผู้นำเผด็จการของพวกเขาทั้งนั้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทั้งสองประเทศไม่ได้มีเรื่องบาดหมางหรือปมขัดแย้งกันอีกแล้ว พร้อมลงสนามและแข่งขันฟุตบอลกันตามกติกาและคว้าชัยชนะกันมาได้อย่างสมเกียรติ
ติดตามชมความเคลื่อนไหวของวงการลูกหนังได้ทางเว็บไซต์ KUBET เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารของวงการฟุตบอลทั้งโปรแกรมการแข่งขัน การวิเคราะห์ผลบอล ประวัตินักเตะดาวรุ่งมากมาย รวมถึงการรับชมบอลสดได้ทุกแมตซ์การแข่งที่ KUBET