KUBET พารู้จัก “มาริโอ ยูโรฟสกี” หนึ่งกุนซือที่ดีที่สุดตลอดกาลกับเส้นทางที่ต้องฝ่าฟันในเมืองทอง ยูไนเต็ดสู่วันที่ต้องลาจาก ผู้ที่ขับเคลื่อนกิเลนผยองและสร้างประวัติศาสตร์ไทยลีกด้วยผลงานคว้าแชมป์มากมาย
“มาริโอ ยูโรฟสกี” จากวันแรกสู่วันอำลา
มาริโอ ยูโรฟสกี (Mario Gjurovski) อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอน เมืองทอง ยูไนเต็ด เกิดวันที่ 11 ธันวาคม 2528 เคยเป็นอดีตนักฟุตบอล ตำแหน่งกองกลางตัวรุก ให้กับเมืองทองยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด

มาริโอ ถือเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะต่างชาติที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากในไทยลีก มีแท็กติกการยิง การทำประตูที่ยอดเยี่ยม และหลังจากที่แขวนสตั๊ดไป โอกาสที่เขาจะได้รับบทบาทเป็นโค้ชก็มาเร็วเกินคาด โดย อาเลชังดรี กามา (Alexandre Gama) ที่เป็นโค้ชของเมืองทอง ยูไนเต็ดในตอนนั้นผลงานย่ำแย่มาก จากนั้นเมืองทองจึงได้แต่งตั้งมาริโอขึ้นมาเป็นโค้ชคนต่อไป และมีมือขวาเป็น ดาโน เซียกา (Dagno Siaka) อดีตสองนักเตะในตำนานของเมืองทอง ยูไนเต็ด
ชัยชนะในนัดแรก
แม้ในตอนนั้นคำสบประมาทที่มีต่อพวกเขาค่อนข้างเยอะพอสมควร ทั้งอายุที่เพิ่งจะ 34 ปี แต่กลับได้คุมทีม และยังไม่มีประสบการณ์การเป็นโค้ชมาก่อน แต่ทางต้นสังกัดเห็นถึงข้อดีของเขาถึงการที่รู้จักความเป็นเมืองทอง ยูไนเต็ดอย่างถึงแก่นแท้และมีแพชชั่นที่ดีในการเป็นโค้ช นั่นทำให้เขาได้รับข้อเสนอนี้ทันที และในวันที่ 20 ตุลาคม 2020 มาริโอ ยูโรฟสกีก็สามารถพาทีมบุกชนะโปลิศเทโร เอฟซี 1-3 ตั้งแต่นัดแรก

พร้อมทั้งสามารถเรียกวิญญาณเพชฌฆาตของวีลียัง ป๊อปป์กลับมาได้สำเร็จ ซึ่งในช่วงแรกที่เขาย้ายมาเมืองทองนั้น ผลงานย่ำแย่ลงอย่างมาก จนมาเจอกับ มาริโอ ยูโรฟสกี เขาก็กลับกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมเมืองทอง ยูไนเต็ดและฉายแววเพชฌฆาตอีกครั้ง
กำชัยเหนือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แมตช์ถัดมาที่ยิ่งทำให้ตอกย้ำว่า มาริโอ คือโค้ชที่ใช่ของเมืองทอง ยูไนเต็ด นั่นคือการบุกไปเฉือนชนะกับคู่ปรับตลอดกาลอย่างสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-2 ศึกเดือดที่สร้างผลงานให้กับมาริโอ ยูโรฟสกีว่านี่แหละคือคนที่ใช่ คนที่ตามหามานาน คนที่เข้าใจเมืองทองตัวจริงและคนที่จะพาเมืองทองกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ในฤดูกาล 2020/21 นั้น เขาพาทีมจบด้วยอันดับที่ 7 พร้อมกับคำชมมากมาย ส่งผลให้เมืองทองจับมือเขาเซ็นสัญญาด้วยกัน 3 ปี

ในฤดูกาลถัดมา 2021/22 เป็นศึกที่พีคอย่างมาก แม้จะขาดกองหน้าตัวเก่งไป แต่ก็ยังได้ ‘อดิศักดิ์ ไกรษร’ กลับมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นวีลียัง ป๊อปป์ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและทำประตูอย่างต่อเนื่อง จากนั้นในเลกที่ 2 ได้หัวหอกอย่างเฮนรี อานิเยร์มาเสริมอีกคน และจบฤดูกาลไปด้วยอันดับที่ 4
ซึ่งความจริงแล้วทีมกิเลนผยองควรจะได้สิทธิ์ไปเล่นเพลย์ออฟของ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก (AFC Champions League) เพียงแต่ในปีนั้นทางไทยลีกเปลี่ยนเงื่อนไขในการหาตัวแทนไปแข่งขันแชมเปียนส์ลีก ทำให้พวกเขาชวดสิทธิ์ไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นสัญญาณในเชิงบวกว่า มาริโอ ยูโรฟสกี สามารถพาทีมคว้าแชมป์จนได้สำเร็จ และช่วยลบคำสบประมาทแย่ๆไปได้จนหมดสิ้น
(ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET)
มาริโอ ยูโรฟสกี ผู้ให้โอกาส
สิ่งหนึ่งที่เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมาก นั่นคือ การผลักดันและให้โอกาสแก่เด็กดาวรุ่งที่เติบโตมาจากชุดเยาวชนของทัพกิเลนผยอง โดยว่ากันว่านี่เป็นหนึ่งในอาเคเดมี่ที่ดีที่สุดในประเทศไทย และยังมีนักเตะจากกิเลนผยองออกไปประสบความสำเร็จกับสโมสรอื่นๆอีกมากมาย และนั่นทำให้เขาเห็นถึงจุดดีตรงนั้นและทำให้ตัดสินใจผลักดันจุดนั้นให้กับทีม


ในปีที่สองของการคุมทัพของมาริโอ เราได้เห็น ‘ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท’ นักเตะกองกลางดาวรุ่งของเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เคยได้รับโอกาสเหล่านั้นเช่นกัน จนทำให้ตอนนี้เขาติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ของชุด 23 ปี หรือ ‘ปรเมศย์ อาจวิไล’ กองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่และแรงปะทะดี กล้ามเนื้อสุดยอด เขาได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นตัวหลักทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปแล้ว หรือจะเป็น ‘คคนะ คำยก’ กองกลางของเมืองทอง เด็กปั้นจากมาริโอ ยูโรฟสกี ล่าสุดในปี 2023 นี้ ที่ติดทีมชาติชุดใหญ่เช่นกัน

ซึ่งการผลักดันเด็กเยาวชนของมาริโอนั้น ถูกกล่าวยกย่องและสื่อต่างพูดชมในแง่เชิงบวกมากขึ้น และด้วยวิธีการทำงานกับสโมสรจากDNAของกิเลนผยองและให้โอกาสเด็กดาวรุ่งทำให้เขาโดดเด่นอย่างมาก
จุดย่ำแย่ที่สุดในฐานะโค้ช
มาริโอ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแม้ในนอกสนาม แต่ทว่าในสนามนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่ง เส้นกราฟผลงานของเขาก็ขึ้นๆลงๆจนน่าใจหาย ทำให้ขาดความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในปีที่สาม ฤดูกาล 2022/23 ได้เกิดการลงทุนเงินก้อนใหญ่อย่างไม่คาดคิด โดยทุ่มเงินคว้าตัว ‘เอกนิษฐ์ ปัญญา’ ด้วยค่าตัว 30 ล้านบาท มาจากเชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งมาแทนที่ ‘วีลียัง ป๊อปป์’ กองหน้าดาวรุ่งที่ต้องการกลับไปค้าแข้งในถิ่นบ้านเกิดตนเอง

ในการลงทุนก้อนใหญ่ครั้งนี้ ทุกคนต่างคาดหวังในผลงานของเมืองทอง ยูไนเต็ดเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่หวังไว้ โดยในฤดูกาล 2022/23 เขาเก็บได้เพียง 6 คะแนน ชนะ1 เสมอ3 แพ้2 ย่ำแย่จนถึงขนาดต้องขอความช่วยเหลือจาก มิลอวัน ราเยวัตส์ (Milovan Rajevac) อดีตกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับมาริโอ ให้มารับตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิคในการช่วยงาน แต่ผลงานกลับไม่ได้ดีขึ้นเช่นกัน
ผ่านมาในนัดที่ 9 บุกไปแพ้โปลิศเทโร 2-1 ด้วยผลงานที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ฟอร์มการเล่นยอดแย่ หันไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน เรียกได้ว่าถึงจุดย่ำแย่ในชีวิตของมาริโอในฐานะกุนซือของทัพกิเลนผยอง และทำให้มาริโอได้แสดงความคิดเห็นบางอย่างลงบนอินสตาแกรมของตนเอง
ว่า ‘The Last Dance’ หรือแปลเป็นไทย คือ ‘การเริงระบำครั้งสุดท้าย’ ซึ่งเจ้าตัวน่าจะหมายถึงตนเองอาจจะไม่ได้ไปต่อกับ เมืองทอง อีกต่อไปแล้ว โดยข้อความในนั้นเขียนไว้ว่า

“วันอาทิตย์นี้อาจจะเป็นนัดสุดท้ายของผมในฐานะโค้ชเมืองทอง ยูไนเต็ด ผมอยากให้แฟนๆ มาให้กำลังใจพวกเราเก็บ 3 แต้มที่สำคัญ
ถ้าวันหนึ่งคุณเป็นกิเลนก็จะเป็นกิเลนตลอดไป จำไว้ มาริโอรักคุณตลอดไป”
-มาริโอ ยูโรฟสกี
ติดตามอ่าน เรื่องราวของมาริโอ ยูโรฟสกี [Part2] ต่อได้ที่เว็บไซต์ KUBET World ให้คุณอัพเดทข่าวสารวงการฟุตบอลแบบเรียลไทม์ โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลแบบจัดเต็ม ประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ พร้อมรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกแมตช์จนจบฤดูกาล เพียงเป็นสมาชิกเคยูเบท ลุ้นเกมเดิมพันสุดมันส์และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สมัครเลย!