หลังจากที่เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามาถือหุ้นในสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แฟนบอลทั่วโลกต่างจับตามองการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เป็นที่ทราบกันดีว่าเซอร์จิมเป็นนักธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ต่อจาก EP.1 แมนยู จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน ไปดูกันครับ
เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ กับแผนฟื้นฟูแมนยูฯ

แมนยูเคยมีภาพลักษณ์ของการเป็นครอบครัวใหญ่ โดยเฉพาะการอยู่ในยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตนักเตะแมนยูอย่างเอริก คันโตน่า และเบ็คแฮม เคยโทรไปให้กำลังใจพนักงานที่ถูกไล่ออก เด เคอาก็เคยทำ และแม้แต่นักเตะยุคปัจจุบันอย่างบรูโน่ เฟอร์นันเดส กับทอม ฮีตันก็เคยจ่ายค่าตั๋วให้กับทีมฟุตบอลหญิงของสโมสร ตอนที่พวกเธอเข้าชิง FA Cup เพราะแมนยูให้ตั๋วน้อย จนไม่พอให้ครอบครัวนักเตะมาเชียร์ได้
แม้ว่าเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์จะบอกว่าขวัญกำลังใจของนักเตะจะดีขึ้นเมื่อทีมกลับมายิ่งใหญ่ แต่ความเป็นจริงในตอนนี้แมนยูเป็นทีมที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ และไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าตอนนี้แมนยูจะดีขึ้นในเร็ววัน ในตอนนี้แมนยูกำลังเผชิญกับความยากลำบากในรอบหลายสิบปี เซอร์จิมอาจจะมาพร้อมกับแผนการใหญ่ ความตั้งใจเต็มเปี่ยม แต่คำถามคือ เซอร์จิมเป็นคนที่ทำให้สโมสรแย่ลงก่อนที่มันจะดีขึ้นหรือเปล่า?
เข้าใจว่าการตัดรายจ่ายบางอย่างมันมีเหตุผล แต่มันคุ้มค่าไหมที่พนักงานรู้สึกถูกละเลย นักเตะไม่มีความมั่นใจ แฟนบอลหมดศรัทธา และแนวโน้มของทีมของดิ่งลงทุกวัน จากทีมที่เคยเป็นมหาอำนาจลูกหนัง ตอนนี้แมนยูกำลังเผชิญกับบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดตั้งที่ท่านเซอร์วางมือ และคำถามในใจของหลายๆคนคือแมนยูจะรอดจากพายุนี้ไปได้หรือไม่
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องรัดเข็มขัดสุดโหด หรือจะเป็นการตัดรายจ่ายแบบไม่แคร์ใคร แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความกลัว ความไม่แน่นอน และการตัดสินใจที่ทำให้พนักงานทุกคนในองค์กรรู้สึกว่านี่มันใช่ทีมใหญ่หรือเปล่า?
มุมมองของพนักงาน

จากมุมมองของพนักงาน แมนยู ไม่ใช่แค่สโมสร แต่เป็นเหมือนบ้าน เป็นสถานที่ที่มีความหมายมากกว่าการแข่งขัน และนับตั้งแต่ที่เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์เข้ามาความรู้สึกเหล่านั้นกลับค่อยๆหายไป หนึ่งเรื่องที่คนพูดถึงกันมากที่สุดคือ แมนยูได้ยกเลิกงานเลี้ยงคริสต์มาสของพนักงานของพนักงานประจำปี เพื่อประหยัดงบประมาณ 3แสนยูโร แต่ผลที่เกิดขึ้นคือความไม่พอใจในหมู่พนักงานที่รู้สึกว่าสโมสรไม่เห็นหัวหนักงาน
การปรับเปลี่ยนอีกอย่างที่สร้างความปั่นป่วนก็คือคำสั่งที่ทำให้พนักงานต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแบบ 100% ไม่มีการ Work form home ซึ่งปกติแล้วในช่วงหลัง หลายๆองค์กรได้ค้นพบการเปิดกว้างด้านการทำงานแบบไฮบริด แต่ที่แมนยูโต๊ะทำงานก็มีไม่พอสำหรับพนักงาน
มุมมองของอดีตนักเตะแมนยู

เรื่องนี้เท็ดดี้ เชอริงแฮมได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่า “แมนยูไม่ใช่สโมสรที่อบอุ่นแบบเดิม เจ้าของกำลังไล่คนที่รักสโมสรออกไป เพียงเพราะว่าต้องการเซฟเงินไม่กี่เหรียญ มีเงินมากมายกับการจ้างไล่ผู้บริหารระดับสูงออก แต่ผู้บริหารกลับมาขี้เหนียวกับพนักงานระดับล่าง”
มุมมองของแฟนบอลแมนยู
ตอนนี้มีแฟนบอลหลายกลุ่มเริ่มรวมตัวกันประท้วง โดยเฉพาะเรื่องราคาตั๋วเข้าชมที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ซีซั่นนี้มีการกำหนดราคาตั๋วแบบเหมาจ่ายอยู่ที่ 79.8 ยูโรต่อคน และมีแนวโน้มว่าราคาจะแพงขึ้นอีกในปีหน้า และเสียงบ่นของแฟนบอลจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ บางกลุ่มถึงขั้นออกมาบอกว่าผมพร้อมก่อกบฏเต็มรูปแบบถ้าหากแมนยูยังคงดำเนินนโนบายขยะแบบนี้ต่อไป
ผลกระทบเกี่ยวกับสปอนเซอร์

ตอนนี้แมนยูกำลังได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย เพราะสปอนเซอร์บางรายเริ่มจะลังเลที่จะต่อสัญญา พวกเขาเห็นว่าแมนยูยุคนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่น่าสนับสนุนเหมือนเดิม ตอนนี้แมนยูยังคงมีมูลค่าทางการตลาดสูง แต่บอกตรงๆว่าถ้าผลงานในสนามยังย่ำแย่ และมันจะส่งผลให้แฟนบอลเริ่มหมดศรัทธา จากนั้นมันจะพารายได้จากสปอนเซอร์ที่เคยเป็นขุมทอง อาจจะไม่มั่นคงเหมือนแต่ก่อนก็เป็นได้
โดยในตอนนี้เซอร์จิมได้วางโครงการ Mission 21 เอาไว้ ซึ่งเป็นแผนพาแมนยูคว้าแชมป์ลีกสมัยที่21 ภายในปี2028 แต่ปัญหาก็คือตอนนี้ทุกคนกำลังสงสัยอย่างมากว่าทำไมแมนยูยังไม่ติด Top10 ของลีก และระบบที่กำลังใช้อยู่ไม่เห็นว่า แมนยู จะมีแววกลับมายิ่งใหญ่ได้เลย
อัปเดตข่าวสารวงการลูกหนังแบบเจาะลึก พร้อมเปิดประสบการณ์ความมันส์ระดับพรีเมียมกับการแทงบอลออนไลน์และชมบอลสดทุกแมตช์ดัง สมัครสมาชิกวันนี้ เพียงใส่รหัส DW338 รับทันทีสิทธิพิเศษมากมายและโบนัสสูงสุด 1,500 บาท
สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ความบันเทิงที่ครบวงจร เราขอแนะนำคาสิโนเว็บตรงที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับคาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อให้คุณได้สัมผัสความสนุกและลุ้นโชคอย่างเต็มที่