เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ผู้เข้าซื้อหุ้นของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือ แมนยู ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการฟุตบอลด้วยนโยบายการบริหารที่เน้นความประหยัดและประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างจากยุคของตระกูลเกลเซอร์อย่างสิ้นเชิง
เปิดเผยความประหยัดของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเคยเป็นสโมสรที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่อลังการ และใช้เงินแบบไม่ต้องคิดมาก แต่เมื่อหลังจากที่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามาดูแลกิจการ ภาพเหล่านั้น ในตอนนี้บอกเลยว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าตอนนี้ทางสโมสรแมนยูจะเต็มไปด้วยมาตรการรัดเข็มขัดระดับเข้มข้นสุดขีด
นโยบายของท่านเซอร์จิมมีชื่อเรียกว่า Zero-based budget คือการตรวจสอบทุกรายจ่ายอย่างละเอียด รวมถึงสกรูของสโมสร และนี่คือเรื่องจริงครับที่ในตอนนี้ทางพนักงานของแมนยูต้องออกมานั่งนับสกรูเพื่อป้องกันการสั่งเกิน และถ้าใครคิดว่าแปลก บอกเลยว่ายังมีเรื่องให้อึ้งอีกเพียบครับ
ลดปริมาณอาหาร
ที่สนามซ้อมแคร์ริงตัน เคยมีพนักงานสั่งอุปกรณ์เครื่องเขียนชุดใหญ่มา แต่สุดท้ายเซลล์ต้องส่งคืนพร้อมบอกเหตุผลว่านี่ไม่ใช่ของที่จำเป็นของสโมสร อีกทั้งทางพนักงานโรงอาหารที่โอลด์แทรฟฟอร์ดบอกว่าปริมาณอาหารต่อจานลดลง อีกทั้งเมนูก็มีให้เลือกน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด บอกเลยว่าบรรยากาศของสโมสร แมนยู ตึงเครียดยิ่งกว่าลงสนามแข่งอีก
ลดการใช้กระดาษ
นอกจากนี้ยังลามไปถึงซองจดหมายของสโมสรอีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบและเคยชินกับการใช้ซองจดหมายแบบเดิม ต้องปรับตัวหนัก เพราะในตอนนี้ที่แมนยูหายากมาก และได้สั่งให้ทุกคนเปลี่ยนเป็นรับ-ส่งแบบอีเมลแทน โดยเหตุผลที่ได้มาเป็นเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่หลายคนก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางสโมสรลดค่าใช้จ่ายหรือเปล่า
ยกเลิกโบนัสพนักงาน
นอกจากนั้น เซอร์จิมยังตัดงบบางอย่างออก โดยหนึ่งในเรื่องที่คนพูดถึงกันเป็นอย่างมากคือการยกเลิกโบนัส โดยจากที่มีรางวัลเล็กๆน้อยๆให้พนักงานดี ตอนนี้เหลือเพียงแค่กระดาษเล็กๆใบหนึ่งเท่านั้น ในเรื่องของการตัดรายจ่ายออกไม่พอ แต่ดันมีเรื่องของการตัดสินใจผิดพลาดที่มันทำให้เสียเงินมหาศาล จะมีเรื่องไหนบ้างไปดูกันครับ
การต่อสัญญาเอริก เทนฮาก

การต่อสัญญาใหม่กับ เอริก เทนฮาก ปรับปรุงทีมโค้ช และสุดท้ายก็ไล่ออก เพียง 116 วันหลังจากการต่อสัญญา ยิ่งไปกว่านั้นค่าชดเชยของเทนฮาก อโมริม และแดน แอชเวิร์ธ 3 คนรวมกัน 30 ล้านยูโร ล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นสักอย่าง จ่ายทิ้งอย่างเดียว ทำให้พนักงานอดคิดไม่ได้ว่าคุณจะรัดเข็มขัดให้แน่นทำไม เพราะสุดท้ายทางสโมสรก็ตัดสินใจพลาดจนเสียเงินมหาศาลอยู่ดี
เรื่องนี้เจมส์ ดักเกอร์ ผู้สื่อข่าวจาก Telegraph ได้ออกมาบอกว่าแมนยูใช้เงินไปกับดีลสุดหายนะในหลายดีล เขาซื้อแอนโทนี่กับคาเซมิโร่ รวมกัน ราวๆ 190 ล้านยูโร และสุดท้ายก็กลายเป็นขยะที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน แถมยังต้องปล่อยยืมออกไปอีก
เหตุผลที่ต้องลดค่าใช้จ่าย

ความจริงแล้วที่เซอร์จิมอยากลดต้นทุนเพราะแมนยูมีหนี้สินก้อนโต และต้องการสร้างสนามใหม่ที่จุคนได้ 1 แสนคน โดยเขาได้ประเมินค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้อยู่ที่ 2.4 พันล้านยูโร จึงเป็นที่มาที่เซอร์จิม ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง รวมไปถึงตัดบัตรเครดิตพนักงานทั้งหมด เอาง่ายๆคือ ในตอนนี้พนักงานแมนยู ต้องใช้เงินตัวเองก่อนและรอเบิกคืนทีหลัง จากรายงานระบุว่า มีพนักงานต้องควักเงินเก็บของตัวเองออกมาจ่ายค่าเดินทางไปทำงานและรอเงินคืนจากสโมสร
เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์เข้ามาบริหารแมนยูได้ยังไม่ถึง1ปี ทางสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ได้ปลดพนักงานไป 250 คน ในเดือนสิงหาคม ในปี2024 และตอนนี้มีแผนจะไล่ออกอีก 175 ตำแหน่ง โดยเฉพาะฝ่ายแมวมองที่อาจจะถูกไล่ออกครั้งใหญ่ ทางด้านพนักงานของ แมนยู ก็ยอมรับว่าทางสโมสรมีการแบกพนักงานเยอะเกินไปและมันต้องมีการปรับแก้โครงสร้าง แต่วิธีที่เซอร์จิมทำก็โหดร้ายเกินไปสำหรับพนักงาน
เรื่องราวความเหนียว ความตระหนี่ของผู้บริหารใหม่แมนยูยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ไปกันต่อที่ EP.2 กันเลยครับ
คอบอลตัวจริงห้ามพลาด! อัปเดตข่าวสารวงการลูกหนังแบบเจาะลึก พร้อมเปิดประสบการณ์ความมันส์ระดับพรีเมียมกับการแทงบอลออนไลน์และชมบอลสดทุกแมตช์ดัง สมัครสมาชิกวันนี้ เพียงใส่รหัส DW338 รับทันทีสิทธิพิเศษมากมายและโบนัสสูงสุด 1,500 บาท และพิเศษสุดๆ สำหรับผู้ที่มองหาความตื่นเต้นเร้าใจ เราขอแนะนำประสบการณ์สุดพิเศษกับคาสิโนสดและคาสิโนออนไลน์ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้คุณได้สัมผัสความสนุกและลุ้นโชคอย่างเต็มที่