อังเคล ดิ มาเรีย ต้องบอกเลยว่าหากใครที่ได้ยินชื่อนี้มักจะเห็นอยู่แล้วว่าลีลาเขาราวกับปีศาจ ความรวดเร็ว ความพริ้วไหว ที่หาตัวจับไม่ได้ จะทำเองหรือส่งต่อให้เพื่อนก็ทำได้หมด อังเคล ดิ มาเรียสามารถใช้เท้าซ้ายสร้างเส้นทางฟุตบอลของตัวเองขึ้นมา วันนี้พวกเราKUBET จะมาเปิดประวัตินักเตะคนนี้กันครับว่าเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

นาทีนี้ใกล้จะถึงจุดชื่อของเขาจะกลายเป็นอดีตในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพแล้ว ปัจจุบันเขาได้กลับไปเล่นให้กับสโมสรเก่าที่เป็นทีมแรกของเขาในยุโรปนั่นคือเบนฟิก้า เป็นการเซ็นสัญญากัน1ปี บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อหมดสัญญาเขาจะยังไปต่อหรือคืนถิ่นเก่าที่อาร์เจนตินา หรืออาจจะเลิกเล่นไปเลย เรื่องนี้มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ อีก5ปีเขาก็จะอายุ 40 แล้ว คงเหลือเวลาบนเส้นทางนี้อีกไม่มาก
ประวัติโดยย่ออังเคล ดิ มาเรีย
อังเคล ดิ มาเรีย พ่อแม่ได้ตั้งชื่อให้เขาอังเคล หรือภาษาอังกฤษก็คือAngel ที่แปลว่าเทวดาหรือนางฟ้านั่นเอง เขาเปรียบเหมือนเป็นเทวดาตัวน้อยของพ่อและแม่ เพราะเขาเกิดมาในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ ดิ มาเรีย มีพี่น้องอยู่สองคน อาศัยอยู่ร่วมกันที่อาร์เจนตินา ดิ มาเรีย เคยเล่าว่าสมัยเป็นเด็กเขาค่อนข้างจะเป็นเด็กไฮเปอร์ พลังงานล้นเหลือ อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ หมอจึงแนะนำให้กับครอบครัวว่าให้ดิ มาเรียได้เล่นกีฬาอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการปลดปล่อยพลังงาน นั่นจึงเป็นที่มาที่เขาได้เข้าหาสิ่งมหัศจรรย์อย่างฟุตบอล ตั้งแต่3ขวบ
นอกจากนั้นเขายังพลังงานล้นเหลือไปช่วยงานพ่อกับแม่ได้อีก ในขณะที่เขาเป็นเด็ก ฐานะที่บ้านของเขาค่อนข้างยากจน พ่อกับแม่ของเขาต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานที่ลานถ่านหิน พี่สาวสองคนก็ต้องช่วยงานที่บ้าน เขาเล่าว่าแค่รองเท้าสตั๊ดสำหรับเล่นฟุตบอลก็เป็นเรื่องยากแล้ว ที่บ้านเขายากจนขนาดที่ว่าตอนที่อากาศหนาวๆ ทั้งบ้านได้แค่ซุกตัวอยู่ใต้หลังคาสังกะสีเท่านั้น

เริ่มจากค่าตัวเป็นบอล 35 ลูก
เมื่อดิ มาเรีย อายุราวๆ 3-4ขวบ เขาเล่นให้กับทีมเล็กในเมืองชื่อ โตริโต้ ตอนนั้นมีแมวมองจากโรซาริโอ้ เซ็นทรัลมาดูและประทับใจในทักษะของเจ้าหนูน้อยอังเคล ดิ มาเรีย พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้กับต้นสังกัดโดยมอบลูกฟุตบอลทั้งหมด 35ลูก เพื่อเป็นค่าตัวและนี่คือค่าตัวแรกของอัลเคล ดิ มาเรีย
KUBET ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งค่าตัวของเด็กคนนี้จะพุ่งสูงได้มากถึง 2 พันล้านบาท

รถไฟขบวนสำคัญมาจอดรับหน้าบ้าน
ตลอดระยะเวลาช่วงที่เป็นนักเตะเยาวชน ดิ มาเรียต้องซ้อมฟุตบอลไป ช่วยที่บ้านทำงานไป ก่อนที่จะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2005 ตอนที่อายุได้ราวๆ 17 ปี นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด เพื่อที่จะพาครอบครัวหลุดออกจากความยากจน
เล่นไปได้สองฤดูกาลโอกาสก็วิ่งเข้ามาหาแบบไม่ทันตั้งตัว เบนฟิก้ายอดทีมในยุโรปยื่นข้อเสนอเข้ามาเพื่อขอซื้อตัวเขา สิ่งที่พ่อของดิ มาเรีย บอกกับเขาคือ “ฟังนะลูก โอกาสแบบรถไฟขบวนนี้มันอาจจะผ่านมาแค่ครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ ลูกต้องขึ้นไปแล้วเดินทางต่อ” นี่คือสิ่งที่พ่อของดิ มาเรียรู้ดีที่สุด เพราะตอนที่พ่อเขาเป็นวัยรุ่นเขาก็เคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อนเหมือนกัน เคยเล่นให้กับทีมริเวอร์ เพลท ทีมสำรองแต่ยังไม่ทันได้ขึ้นชุดใหญ่ก็บาดเจ็บที่หัวเข่าและไม่อาจเล่นฟุตบอลต่อได้
ดังนั้นเมื่อลูกชายมีโอกาสจะก้าวหน้าสิ่งที่เขาแนะนำได้ก็เพียงแค่บอกให้เขาก้าวต่อไปอย่างไม่ต้องเป็นห่วงข้างหลัง แม่ของดิ มาเรีย เคยบอกว่า ลูกชายเขาเป็นคนที่โชคดีมาก ที่มีสิ่งที่เขารักเป็นสิ่งเดียวกับความฝันของพ่อ เขาสามารถตามฝันแทนพ่อได้ ส่วนดิ มาเรีย ก็ซาบซึ้งกับสิ่งนี้อยู่เสมอ สำหรับเขาแล้วครอบครัวสำคัญที่สุดทั้ง4คนพ่อแม่ และพี่น้อง ของเขา ทุกคนเสียสละอย่างมากเพื่อให้เขาได้เล่นฟุตบอล

รถไฟขบวนเบนฟิก้า
เขาก็คิดว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสได้ตอบแทนครอบครัวของเขาอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เขาตัดสินใจเซ็นสัญญาไปค้าแข้งกับเบนฟิก้า ก้าวสู่ชีวิตใหม่ที่โปรตุเกส ค่าตัวของเขารวมแล้วอยู่ที่ราวๆ 10ล้านยูโร หรือประมาณ 380 ล้านบาท สิ่งแรกที่เขาบอกกับที่บ้านคือ “พ่อครับแม่ครับ ต่อจากนี้ไม่ต้องทำงานหนักแล้ว ผมจะเลี้ยงดูทุกคนเอง” นี่คือสัญญาของผู้ชายและเขาได้ทำการซื้อบ้านใหม่ให้ทุกคนและส่งรายได้ไปจุนเจือครอบครัว
ติดตามเรื่องราวของดิ มาเรียได้ต่อที่พาร์ทสองเลยนะครับ เราไปดูกันว่าหลังจากที่ขึ้นรถไฟขบวนเบนฟิก้านี้แล้วเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
KUBET – เว็บไซต์ให้คำปรึกษาข่าวฟุตบอล ข้อมูลฟุตบอลอัพเดทแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณเรียนรู้เกมฟุตบอลล่าสุดและครอบคลุมที่สุด คะแนนฟุตบอล ลีกฟุตบอล สโมสรฟุตบอล และข้อมูลฟุตบอลโลก รวมถึงข้อมูลอื่นๆที่คุณอยากรู้ เช่นประวัติความเป็นมาของสโมสร หรือที่มาที่ไปของโลโก้แต่ละสโมสร โดยไม่ต้องออกจากบ้าน