แท็กติกของ ฟุตบอล สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา กลยุทธ์ต่างๆอาจจะขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนจะถูกโค่นลงด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ มีแท็กติกมากมายที่เคยครองสนามแต่ปัจจุบันกลายเป็นเพียงตำนานในตำรา วันนี้เราจะพาไปดู 6 แท็กติกที่เคยรุ่งเรือง จะมีอะไรบ้าง ไปดูครับ

แท็กติกที่ 1 ลิเบโร่
ลิเบโร่ มีความหมายว่าอิสระ ในภาษาอิตาลี และมันก็เป็นหัวใจสำคัญของระบบคาเตนัคโช (Catenaccio) ซึ่งเป็นแนวรับสุดแข็งแกร่งที่มีเฮเลนิโอ เอเรร่าใช้พาอินเตอร์มิลานคว้าแชมป์ในยุค 1960 ตัวลิเบโร่จะทำหน้าที่อยู่หลังแนวรับ โดยมีบทบาทคือการกวาดบอลที่หลุดมา ปิดช่องว่างในแนวรับ และเริ่มต้นเกมรุกจากแดนหลัง
ลิเบโร่เป็นตำแหน่งที่รวมความสามารถไว้ภายในตัวคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องป้องกันเมื่อได้เป็นฝ่ายรับและเมื่อได้ครองบอลก็ต้องทำหน้าที่เกมรุกด้วย แต่เมื่อเก่งรอบด้านขนาดนี้ ทำไมตำแหน่งนี้ถึงหายไป?
ตำแหน่งลิเบโร่หายไปไหน?
ลิเบโร่มันเริ่มเสื่อมความนิยมลงเมื่อระบบที่เน้นการไล่เพรสซิ่ง และการเล่นเกมรับแบบ Sonal marking เริ่มเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะระบบของอาร์ริโก้ ซัคกี้ ที่ใช้กับเอซีมิลานในปี 1987 ระบบนั้นจะเน้นการบีบพื้นที่ มากกว่าการประกบตัว ซึ่งมันทำให้แนวรับต้องเล่นเป็นทีมมากกว่าตัวอิสระ
รวมไปถึงการเล่นเกมเพรสซิ่งทำให้ลิเบโร่มีเวลาคิด มีเวลาครองบอลไม่มากเท่าที่ควร จะโดนถึงตัวทันที รวมไปถึง ฟุตบอล สมัยใหม่ เซนเตอร์แบ็กสามารถออกบอลด้วยเท้าได้เอง จึงทำให้ตำแหน่งลิเบโร่ถูกลดทอน และค่อยๆหายไป ซึ่งแผนการใหม่อย่าง 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 จะไม่เน้นตัวประกบพิเศษ แต่ใช้แนวรับทั้งทีมเคลื่อนที่กันเป็นกลุ่ม กองหลังก็ต้องมีบทบาททั้งเกมรับและการครองบอล ทำให้เซนเตอร์แบ็กสมัยใหม่ต้องเล่นบอลเก่ง ไม่ใช่ป้องกันอย่างเดียว
แท็กติกที่ 2 เพลย์เมกเกอร์ เบอร์10


จากเสือเตี้ยดิเอโก มาราโดนา มาจนถึงซีเนดีน ซีดาน เพลย์เมกเกอร์เบอร์10 นี่เป็นหัวใจของทีมในช่วงยุค 1980 ถึงช่วงปี 2000 พวกเขาจะเล่นอยู่หลังคู่กองหน้า ในตำแหน่งที่เรียกว่า The Hold ทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมด้วยการผ่านบอลสุดคมและการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม
ในตอนนั้นมีหลายทีมที่ใช้ระบบ 4-4-1-1 ซึ่งจะช่วยให้เบอร์ 10 มีอิสระเป็นอย่างมาก เช่นยูเวนตุสในยุคอเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ แต่เมื่อเป็นระบบที่ไล่เพรส และการเล่นเกมรุกแบบ Position Play มันได้รับความนิยม บทบาทของเบอร์ 10 ก็เริ่มถูกลดทอนลง เพราะโค้ชต้องการให้ผู้เล่นมิดฟิลด์ที่สามารถช่วยไล่บอล ถอยมาเล่นเกมรับและวิ่งไม่มีหมด ซึ่งมันขัดกับธรรมชาติของเพลย์เมกเกอร์ที่ต้องการเล่นเกมรุกโดยไม่ต้องลงมาไล่บอล


ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในตอนนี้คือ เมซุต โอซิล เริ่มถูกลดบทบาทลงในยุคของมิเกล อาร์เตต้า ที่อาร์เซนอล เพราะเขาไม่มีความสามารถไล่เพรสอย่างที่โค้ชต้องการ ขณะเดียวกันก็มีเพลย์เมกเกอร์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างเควิน เดอ บรอยน์ ที่ตอนนี้เป็นกึ่ง box to box มากขึ้น ไม่ใช่เบอร์ 10 ที่ยืนรอจ่ายบอลเหมือนในอดีต
ส่วนเรื่องการเกิดเบอร์ 10 ในยุคสมัยใหม่อย่างเจมส์ แมดดิสัน และมาร์ติน โอเดการ์ด ถือว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์รุ่นใหม่ ที่ยังคงความสร้างสรรค์ในการเล่น และพวกเขาทั้งคู่ต้องทำงานหนักขึ้นในเกมรับและสามารถเล่นในระบบ 4-3-3 ได้
แท็กติกที่ 3 กองหน้าคู่ 4-4-2


ในช่วงปี1990 ระบบ 4-4-2 เป็นระบบมาตรฐานของวงการฟุตบอลระดับสูง แนวคิดไอเดียของมันคือต้องการมีคู่หูกองหน้าที่ประสานงานกันได้อย่างลงตัวเช่นดไวท์ ยอร์ค และแอนดี้ โคล ของแมนยู
ระบบนี้ต้องอาศัยปีกในการเปิดบอลจากริมเส้น และกองกลางที่สามารถขึ้นลงได้ทั้งเกม เพื่อช่วยสร้างสรรค์เกมรุก แต่ทว่ากองหน้าคู่ที่มันหายไป มันเป็นเพราะแดนกลางมีแค่ 2 คน ทำให้เมื่อเผชิญหน้ากับระบบที่ต้องใช้มิดฟิลด์ 3 คน เช่น 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 ทีมที่ใช้ระบบ 4-4-2 จึงเสียเปรียบและถูกครอบครองเกมนั่นเอง
แท็กติก ฟุตบอล ที่เคยเป็นตำนานจะมีตำแหน่งไหน หรือเรื่องไหนอีกบ้าง ไปกันต่อที่ EP.2 ได้เลยครับ
ยกระดับความสนุกไปอีกขั้น ดูบอลสดชัดระดับ HD ฟรี แทงบอลออนไลน์กับระบบที่ทันสมัย และดื่มด่ำกับคาสิโนออนไลน์เว็บตรงที่มาพร้อมเกมหลากหลาย สมัครสมาชิกใหม่ รับโบนัส 1,500 บาท ใช้รหัส DW338