OFFICIAL! โทนี่ โครส ยืนยันแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการหลังจบการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ปิดฉากการรับใช้ราชันชุดขาวนาน 10 ปี จนถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ระดับโลก กว่าเขาจะเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกได้ขนาดนี้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง ติดตามรับชมต่อที่ KUBET
จุดเริ่มต้นฟุตบอลของ “โทนี่ โครส”
โทนี่ โครส เกิดวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1990 ปัจจุบันอายุ 34 ปี เขาเติบโตมาในเมืองไกรฟส์วัลท์ ฝั่งตะวันออกของเยอรมนี
เริ่มต้นเส้นทางอาชีพฟุตบอลกับสโมสรฮันซาร็อสท็อค ที่ดึงเขาเข้าสู่วงการฟุตบอลและเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลเยาวชนตั้งแต่นั้นมา โดยมีคุณพ่อของเขาเป็นโค้ชอยู่ด้วย
แต่ทว่าอยู่ที่นี่ได้เพียง 6 ปี เขาก็ถูกยักษ์ใหญ่อย่างบาเยิร์นมิวนิกดึงตัวไปร่วมทัพด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น และกลายเป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองนับตั้งแต่เวลานั้น ด้วยศักยภาพของโครสที่โดดเด่นจนไปเตะตาสตาฟฟ์โค้ช จึงทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีกว่าเท่านั้น
แต่ทว่าอยู่ที่นี่ได้เพียง 6 ปี เขาก็ถูกยักษ์ใหญ่อย่างบาเยิร์นมิวนิกดึงตัวไปร่วมทัพด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น และกลายเป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองนับตั้งแต่เวลานั้น ด้วยศักยภาพของโครสที่โดดเด่นจนไปเตะตาสตาฟฟ์โค้ช จึงทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีกว่าเท่านั้น
สำหรับแมตช์ที่ทำให้เขาแจ้งเกิดโด่งดังอย่างจริงจัง คือ ตอนที่เขาเข้าร่วมศึกฟุตบอลโลกของ U17 ที่ประเทศเกาหลีใต้ เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำไปทั้งหมด 5 ประตูในตำแหน่งจอมทัพ นี่คือตำแหน่งแรกของเขา ในตอนนั้นเขาสามารถสร้างความแตกต่างให้กับเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอล ลูกยิงไกล ฟรีคิก เตะมุม ยิงจุดโทษ รวมไปถึงการสวมปลอกแขนกัปตัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของทีมตั้งแต่ตอนนั้น เขาคือคนที่รับหน้าที่ในทัวร์นาเมนต์นั้นและพาทีมชาติเยอรมนีคว้าอันดับ 3 ไปครอง
เมื่อถึงวันที่เขากลับมาที่สโมสร ด้วยฟอร์มการเล่นที่มันโดดเด่นในระดับทีมชาติ ในปลายปีกันยายน 2007 เขาได้รับโอกาสในการประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรก โดย โทนี่ โครส นั้นทำผลงานได้ดีมากๆ สามารถทำแอสซิสต์ได้ในระยะเวลาแค่ 18 นาทีที่ลงไปสัมผัสสนาม และยังทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้กับทีมด้วยวัยเพียง 17 ปี 8 เดือน ณ เวลานั้น
ติดตามข่าวสารฟุตบอล โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลและประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ ได้ที่เว็บไซต์ KUBET
สัญญายืมตัวกับเลเวอร์คูเซน
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ โทนี่ โครส จะได้ลงเล่นตัวจริง ยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากบาเยิร์นมิวนิกในเวลานั้น เต็มไปด้วยแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ทั้งนั้น ซึ่งทางออกของโครสก็คือ การถูกปล่อยออกให้กับเลเวอร์คูเซนสำหรับสัญญายืมตัว และในช่วงเวลานั้นเอง เขาได้แจ้งเกิดแบบเต็มตัวในตำแหน่งใหม่อย่างการเป็นนักเตะเบอร์ 8 ที่คอยคุมจังหวะของเกมและทำผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจด้วยการลงเล่น 48 นัด ทำไป 10 ประตูกับ 13 แอสซิสต์
เมื่อครบสัญญายืมตัว โครส ได้กลับมาที่สโมสรต้นสังกัดอย่างทัพเสือใต้อีกครั้งในปี 2010 เขากลายเป็นตัวหลักของทีมและทำผลงานของตัวเองไป 2 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทั้งหมด 37 นัดทุกรายการ
เพียงแต่ว่าในปีนั้น ผลงานภาพรวมของทีมไม่ได้ดีมากเท่าที่คาดไว้ โดยจบเพียงอันดับ 3 ในบุนเดสลีกา จากนั้นซีซั่นต่อมา โครส ได้กลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทีม ภายใต้การคุมทัพของ “จุ๊ปป์ ไฮย์เกส” ที่เคยร่วมงานกันตั้งแต่สมัย โทนี่ โครส ไปค้าแข้งที่เลเวอร์คูเซน โดยทั้งฤดูกาลนั้นเขาลงเล่นไปทั้งหมดถึง 51 เกม ทำไปถึง 19 แอสซิสต์ และพาทีมผ่านเข้าไปสู่รอบชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าถ้วยยุโรปใบนี้ได้สำเร็จ
แต่สิ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของโครสในตอนนั้น คือการที่เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ในช่วงซีซั่น 2012-13 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของโครส ที่เขาสามารถสร้างชื่อเสียงให้หลายคนได้รู้จักมากขึ้น ด้วยการพาทัพเสือใต้ (บาเยิร์นมิวนิก) คว้าทริปเปิลแชมป์ไปครอง และ ยังเป็นหัวใจหลักของบาเยิร์นมิวนิกมาโดยตลอด
ติดตามรับชมเรื่องราวของ “โทนี่ โครส” มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล EP.2 ผ่านทางเว็บไซต์ KUBET World ให้คุณอัพเดทข่าวสารฟุตบอลก่อนใครแบบเรียลไทม์ โปรแกรมบอล วิเคราะห์บอลแบบจัดเต็ม ประวัตินักเตะที่คุณไม่เคยทราบ พร้อมรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกแมตช์จนจบฤดูกาล เพียงเป็นสมาชิกเคยูเบท ลุ้นเกมเดิมพันสุดมันส์และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สมัครเลย!